"เงินบาทค่อนข้างสวนทางภูมิภาค ปัจจัยในประเทศเรื่องการเมืองเด่น ประกอบกับวันนี้ราคาทองก็ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากด้วยอาจจะเป็นประเด็นกดดันเสริมให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทในวันนี้แนวต้านแรกน่าจะอยู่ที่ 31.45 บาท/ดอลลาร์ ถ้าทะลุผ่านไปได้แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ 31.51 บาท/ดอลลาร์ ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ระดับ 31.39 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 31.4783 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.28910% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.30459%
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.30 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3296 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.3980 บาท/ดอลลาร์
- "แบงก์ชาติ" เล็งแก้กฎหมายให้ประชาชนนำเงินออกนอกประเทศได้สะดวกขึ้น เอื้อคนต้องการนำเงินซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศเตรียมหารือร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร็วๆ นี้ คาดกระบวนการแล้วเสร็จมีผลบังคับใช้ปีหน้า เผยส่งดีล "มิตซูบิชิฯ" เทคโอเวอร์ "กรุงศรีฯ" ให้คลังพิจารณาแล้ว ชี้ทั้ง 2 แบงก์ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก พร้อมระบุแนวโน้มยังมีโอกาสเกิดการควบรวมแบบนี้ได้อีก
- ครม.ไฟเขียวมาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพเข็น 4 มาตรการทั้ง ด้านการบริโภคภาคเอกชน-การลงทุนเอกชน-การใช้จ่ายภาครัฐ และการส่งออก ระบุเน้นการลดหย่อนภาษีให้แก่ภาคท่องเที่ยวและโรงแรมหลังจากต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว หวังจีดีพีโตได้ 4.5%
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในเร็วๆนี้ แม้เจ้าหน้าที่ของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะลดขนาดโครงการดังกล่าวก็ตาม
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะระดับ 97.65 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 98.3 เยน และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9259 ฟรังค์ จากระดับ 0.9279 ฟรังค์
ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3306 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3259 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.8985 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8911 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5357 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5348 ดอลลาร์สหรัฐ
- เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.27% แตะที่ 6.1726 หยวนต่อดอลลาร์
- ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ค (6 ส.ค.) ปิดลบโดยสัญญาทองคำเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ส่งผลให้ราคาทองคำตลาด Comex ส่งมอบเดือน ธ.ค.ปิดตลาด 1,282.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ลบ 19.90 ดอลลาร์ (-1.53%)
- นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าววานนี้ว่า เฟดอาจเริ่มลดปริมาณการซื้อพันธบัตรในช่วงแรกในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งใดครั้งหนึ่งที่เหลืออยู่ในช่วงปีนี้ ขณะที่เฟดยังมีกำหนดการประชุมอีก 3 ครั้งในปีนี้
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการ QE หลังสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าลดลง 22.4% สู่ระดับ 3.422 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.9% แตะ 134.58 จุด เมื่อเวลา 9.36 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,155.95 จุด ลดลง 245.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,056.37 จุด ลดลง 4.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,756.47 จุด ลดลง 167.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,993.57 จุด ลดลง 45.34 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,892.47 จุด ลดลง 14.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,222.28 จุด ลดลง 2.61 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,419.40 จุด ลดลง 1.38 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,784.41 จุด ลดลง 0.23 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,098.10 จุด ลดลง 7.50 จุด