ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 6 เดือนแรกของปี 56 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีมูลค่าการส่งออก 26,524.32 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดที่มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุด คือ ตลาดสหรัฐอเมริกา และอาเซียน ที่มีมูลค่าการส่งออก 17% รองลงมาคือ อียู มีมูลค่าการส่งออก 14% โดยตลาดสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนภาวะการณ์ผลิตอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 56 ปรับตัวลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง คือ พัดลม และกระติกน้ำร้อน เป็นผลมาจากอุปสงค์ในประเทศลดลง หรือกำลังซื้อที่ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่าวะการณ์ผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 56 ปรับตัวลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ HDD และ Semiconductor เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศลดลง โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีนที่ลดลงกว่า 20%
"ตัวเลขของการส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมในช่วง 6 เดือนแรกปรับตัวลดลง 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากต่างประเทศ คือ จีน เศรษฐกิจก็มีการชะลอตัวลง จึงส่งผลต่อภาคการผลิตสินค้าของไทย ประกอบกับผู้ประกอบการธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์หลายราย ได้มีการเปลี่ยนโปรดักส์ตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งมองว่าตัวแทปเลตกับสมาร์ทโฟนจะเริ่มเข้ามาทดแทนพวก HDD มากขึ้น"นายสมบูรณ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า จากการประมาณการณ์ทั้งปีจากตัวเลขเบื้องต้น คาดว่าการส่งออกภาพรวมจะลดลงไป 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ยังต้องรอดูไตรมาส 3 ถึง ไตรมาส 4 นี้ ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม หากแบ่งเป็นรายอุตสาหกรรม แนวโน้มการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงเป็นบวกอยู่ หรือคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1% โดยสินค้าประเภทเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนหนัก แต่ตลาดอียูยังไม่ค่อยฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกภาคอิเล็กทรอนิกส์น่าจะลดลงประมาณ 4% จากที่มีการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตสินค้า
นอกจากนี้จะมีการนำเสนอต่อภาครัฐ ถึงสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นทั้งหมด รวมถึงนโยบายต่างๆที่จะขอความร่วมมือจากภาครัฐต่อไป