ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2556 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ(FIDF 1) ที่ครบกำหนดจำนวน 17,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน และการปรับโครงสร้างพันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง(FIDF 3) ที่ครบกำหนดจำนวน 726.20 ล้านบาท โดยใช้เงินทดรองจ่ายที่ยืมจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง(Premium FIDF 1 และ FIDF 3)
ขณะที่ในเดือนมิถุนายน ไม่มีการกู้เงินล่วงหน้า (Pre-funding) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล และไม่มีไม่มีการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน
สำหรับการบริหารจัดการหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนเงินกู้และป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ในเดือนมิถุนายน 2556 กระทรวงการคลังได้มีการแปลงหนี้เงินกู้ของ World Bank วงเงิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่จะนำไปให้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กู้ต่อ เป็นหนี้สกุลเงินยูโรอัตราดอกเบี้ยคงที่ เพื่อให้สกุลเงินของรายรับและร่ายจ่ายสอดคล้องกัน(Natural Hedged)
ส่วนการการชำระหนี้ของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2556 กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้เป็นเงิน จำนวน 27,131.20 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.การชำระหนี้ของรัฐบาลจากงบประมาณชำระหนี้ เป็นจำนวน 21,405.33 ล้านบาท ดังนี้ 1.ชำระหนี้ในประเทศ 21,271.46 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 908.67 ล้านบาท ดอกเบี้ย 20,362.53 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.26 ล้านบาท 2.ชำระหนี้ต่างประเทศ 133.87 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ย 132.35 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 1.52 ล้านบาท
ส่วนการชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น เป็นจำนวน 5,725.87 ล้านบาท ดังนี้ การชำระดอกเบี้ยเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ(FIDF 1) จำนวน 2,340.69 ล้านบาท และการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF 3) จำนวน 3,385.18 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2
ทั้งนี้ แหล่งเงินที่นำเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 ประกอบด้วย (1) เงินกำไรสุทธิของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 (2) เงินที่สถาบันการเงินนำส่งธนาคารแห่งประเทศไทย (3) เงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน และ (4) เงินโอนจากบัญชีกองทุนเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ฯ
ส่วนการบริหารจัดการหนี้รัฐวิสาหกิจนั้น ในส่วนของการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนมิถุนายน 2556 รัฐวิสาหกิจได้มีการกู้เงินในประเทศเป็นเงิน 3,900 ล้านบาท ขณะที่การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนมิถุนายน 2556 รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 32,950 ล้านบาท
ส่วนการบริหารจัดการหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจเพื่อลดต้นทุนเงินกู้และป้องกันความเสี่ยงทางการเงินในเดือนมิถุนายน 2556 การประปานครหลวงได้มีการชำระคืนเงินกู้ของ JICA ก่อนกำหนดวงเงิน 3,998.59 ล้านเยน ซึ่งสามารถประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ 122 ล้านบาท