ส.อ.ท.เตรียมชงแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการ LPG เพื่อความยั่งยืนเสนอนายกฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 15, 2013 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คลัสเตอร์ปิโตรเคมี ส.อ.ท.เตรียมเสนอยุทธศาสตร์การบริหารจัดการก๊าซหุงต้ม(LPG) เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศไทย ให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณากำหนดเป็นมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ก๊าซ LPG อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นคงในการจัดหาก๊าซ LPG ของประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 2558 พร้อมช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SMEs อย่างเหมาะสม

เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้มีการปรับตัวขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ประกอบการต้นทุนในการผลิตที่สูงขึ้นของโรงกลั่นน้ำมันฯ ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการควบคุมราคาก๊าซ LPG ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดโลกเป็นอย่างมาก นำไปสู่การบิดเบือนราคาที่ไม่สะท้อนราคาที่แท้จริง รวมทั้งยังก่อให้เกิดการใช้ก๊าซ LPG อย่างขาดประสิทธิภาพ และมีการลักลอบนำไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน จนเป็นเหตุให้ปริมาณการผลิตก๊าซ LPG ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ในอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันฯ และกลุ่มผู้ค้าน้ำมันได้มีการจัดหาเพิ่มเติมโดยการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่เนื่องจากขีดความสามารถในการนำเข้ามีอย่างจำกัดจึงอาจนำไปสู่การขาดแคลนขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้

"ส.อ.ท.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดทำข้อเสนอยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ LPG เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศไทยขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการสร้างมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้ก๊าซ LPG อย่างมีประสิทธิภาพในลำดับต่อไป" นายพยุงศักดิ์ กล่าว

สำหรับข้อเสนอแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการ LPG ของสภาอุตสาหกรรมฯ มีเจตนาที่ต้องการเห็นภาครัฐมีนโยบายเชิงบูรณาการในการสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งในด้านของนโยบาย เชิงปฏิบัติการ และนโยบายด้านโครงสร้างราคา

โดยมีข้อเสนอนโยบายเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ 1.บูรณาการปรับปรุงระบบขนส่ง โลจิสติกส์ของประเทศด้วยความร่วมมือของหน่วยที่เกี่ยวข้อง 2.กำหนดผังเมือง(ที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ ศูนย์ธุรกิจ) 3.ส่งเสริมและผลักดันการดำเนินการตามนโยบายการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการกำหนดมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงาน(Building Code) รวมถึงบ้านเรือนและโรงงานตลอดจนวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้า(เบอร์ 5) รวมถึงการส่งเสริมการใช้รถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco car / Flex-Fuel car) และการศึกษาการใช้วัตถุดิบในอุตสาหกรรมเซรามิก แก้วและกระจก ที่ประหยัดพลังงาน 4.สนับสนุนเงินลงทุน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Soft Loan และมาตรการจูงใจทางด้านภาษี ให้เกิดการปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 5.ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนอื่นแทนการใช้ LPG เพื่อช่วยเหลือ SMEs อาทิ มีการศึกษาและวิจัยเชื้อเพลิงเผาไหม้ประเภทอื่นที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนต่ำ เพื่อทดแทนการใช้ LPG เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) พลังงานชีวมวล (Biomass) ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เพื่อรองรับการใช้พลังงานของผู้ประกอบการ SMEs ภายในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมเซรามิก แก้วและกระจก ฯลฯ และ 6.เสนอให้แก้ไขกฎระเบียบ เรื่องการครอบครอง LPG เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซรามิก SMEs ภายในประเทศ

ส่วนข้อเสนอนโยบายด้านโครงสร้างราคา ได้แก่ 1.ให้ใช้กลไกราคาตลาดเป็นตัวกำหนดราคาพลังงาน เพื่อให้ประชาชนตระหนักคุณค่าที่แท้จริง และเกิดการประหยัด ด้วยการลดบทบาทกองทุนฯ ในการ Cross subsidy เชื้อเพลิงบางประเภท, ทยอยปรับราคาขายให้สะท้อนราคาตลาดโลกและต้นทุนที่แท้จริง, การตรึงราคาชั่วคราวอาจดำเนินการได้ โดยใชงบประมาณส่วนกลาง ภายใต้กรอบระยะเวลาที่ชัดเจน และไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทอื่น, ยกเลิกการเก็บภาษีหรือเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จากการใช้ก๊าซ LPG เป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีตามหลักสากล 2.เสนอให้มีการปรับนโยบายภาษีสรรพสามิตของน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดให้เหมาะสมและเป็นธรรมตามประสิทธิภาพค่าความร้อนของเชื้อเพลิง และตามหลักสากล 3.เสนอให้เปลี่ยนการอุดหนุนราคา (Product subsidy/ Universal subsidy) เป็นการช่วยเหลือผู้ใช้ที่มีรายได้น้อยโดยตรง (Demand subsidy / Direct subsidy) ภายใต้กรอบเวลาที่ชัดเจน โดยการกำหนดเกณฑ์ในการจัดกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และหรือผู้ประกอบการ SMEs ที่สมควรได้รับการอุดหนุนราคา LPG อย่างเหมาะสม และเข้าถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่น ประเทศอินเดียอุดหนุนราคาพลังงานให้กับกลุ่มเกษตรกรโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.เชื่อว่า หากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนและร่วมผลักดันแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการ LPG ข้างต้นให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วนั้น จะสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ประเทศไทยในอนาคตมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่แนวทางการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ