พร้อมระบุว่า การทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีไม่กระทบต่อราคาสินค้าอาหารปรุงสำเร็จ ดังนั้นแม่ค้าพ่อค้าไม่ควรใช้เหตุผลนี้มาปรับราคาอาหาร เพราะก๊าซแอลพีจีคิดเป็นต้นทุนข้าวแกงเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น และระบบนี้จะสร้างความเป็นธรรมของผู้ใช้น้ำมันในอนาคตที่ผู้มีรายได้น้อยที่ใช้น้ำมันจะลดการอุดหนุนแอลพีจี เพราะเมื่อทยอยปรับราคาแอลพีจีจนสะท้อนราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯที่ 24.82 บาท/กก.แล้ว เงินอุดหนุนแอลพีจีจะลดลงจาก 100 ล้านบาท/วัน เหลือ 30 ล้านบาท/วันเท่านั้น
"ขอยกตัวอย่างผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ ทานข้าวมื้อละ 30 บาท รวม 90 บาท/วัน จะมีต้นทุนเพิ่ม 90 สต./วัน กรณีราคาแอลพีจีปรับขึ้นไปแล้ว ในขณะที่ผู้ขี่มอเตอร์ไซด์ใช้เบนซิน 95 วันละ 2 ลิตร ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซี่งมีส่วนอดุหนุนแอลพีจีถึง 20 บาท/วัน เมื่อลดอุดหนุนแอลพีจี การใช้เงินกองทุนฯ ก็จะนำมาใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์มากขึ้น คือ นำมาใช้สำหรับการดูแลเสถียรภาพและความมั่นคงด้านน้ำมันเป็นหลัก" รมว.พลังงานระบุ
ส่วนในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 90 หน่วย/เดือนนั้น ทางการไฟฟ้าฯ จะส่งตัวเลขรหัสลดราคาแอลพีจีไปให้ใหม่ เพราะทราบว่าหลายคนไม่ได้เก็บไว้ จึงต้องขอร้องให้เก็บบิลค่าไฟฟ้าที่จะส่งไปใหม่เพื่อประกอบการลดราคาแอลพีจี ในขณะที่กลุ่มหาบเร่แผงลอยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ขอให้เร่งลงทะเบียนโดยด่วน ซึ่งการทดสอบระบบการอุดหนุน และทดสอบ SMS จะมีขึ้นในวันที่ 23 ส.ค.นี้
อนึ่ง ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ เครือข่ายผู้บริโภคนัดชุมนุม ที่บริเวณหน้าสำนักงาน ปตท.สำนักงานใหญ่ เพื่อคัดค้านการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี รวมทั้งขอให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ ซึ่งปัจจุบันเงินอุดหนุนก๊าซแอลพีจีมาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด
"กรณีที่จะมีม็อบมาชุมนุมหน้า ปตท.วันที่ 23 ส.ค.เพื่อคัดค้านการขึ้นราคาแอลพีจีนั้น อยากจะถามว่ามาด้วยเหตุผลใด เพื่อปกป้องคนรวย หรือยังต้องการอุดหนุนคนขโมยแอลพีจีไปใช้ผิดประเภท เพราะเมื่อลดการอุดหนุนแอลพีจี แล้วในอนาคตประมาณสิ้นปีนี้ก็จะลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ ราคาน้ำมันจะลดลง คนที่รายได้น้อยน่าจะเป็นประโยชน์กว่า" รมว.พลังงาน กล่าว