วันนี้เงินบาทอ่อนค่าไปแตะที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์แล้ว เป็นเพราะดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับทุกสกุล โดยเป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ที่ยังไม่กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการชะลอมาตรการ QE
"เหตุที่บ้านอ่อนค่าวันนี้ น่าจะเป็นผลของ FOMC เมื่อคืนนี้ ประกอบกับบ้านเรายังมีเงินไหลออก" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า แนวโน้มวันนี้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 32.00-32.20 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 32.1394 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.24750% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.25272%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.21/22 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.50 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3336/3338 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3403 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.7560 บาท/ดอลลาร์
- นักวิเคราะห์หวั่นค่าเงิน"บาท-ริงกิต"เสี่ยงถูกเทขายต่อจาก"รูปี-รูเปี๊ยะห์" เหตุขาดดุลการคลังสูง เศรษฐกิจชะลอตัว และต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลมาก แต่ประเมินไทยจัดการได้ ด้านค่าเงินบาทร่วงต่อเนื่อง แตะระดับต่ำสุดรอบ 13 เดือน ขณะอินเดียประกาศมาตรการพยุงค่ารูปี
- นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยการพัฒนาแรงงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เผยหากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยชะลอตัวลงหรือขยายตัวในระดับต่ำกว่า 4% จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานแน่นอน โดยเฉพาะแรงงานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานจะหางานทำได้ยากขึ้น
- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนอ่อนค่าลง 0.23% แตะที่ 6.1698 หยวนต่อดอลลาร์
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 5 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,660 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,371.23 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ปรับตัวลดลง 0.54 ดอลลาร์สหรัฐ
- รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เมื่อวันที่ 30-31 ก.ค.56 ระบุเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการชะลอมาตรผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ภายในปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(21 ส.ค.) หลังมีการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.75 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 97.22 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9213 ฟรังค์ จากระดับ 0.9170 ฟรังค์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3376 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3419 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5698 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5677 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.9025 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9093 ดอลลาร์สหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน ต.ค.ปรับตัวลง 25 เซนต์ แตะที่ 103.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชีย เมื่อเวลา 09.54 น.ตามเวลาซิดนีย์ในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด
- ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลดลงไปกว่า 20 จุด เป็นไหลลงอย่างต่อเนื่องจากต้นภาคเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ตอบรับความกังวลต่อการปรับลด QE ของสหรัฐ หลังมีการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟด โดยเมื่อเวลา 09.58 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,341.66 จุด ลดลง 13.48 จุด(-0.99%) และล่าสุด เมื่อเวลา 10.36 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,329.74 จุด ลดลง 25.40 จุด(-1.87%)
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้นเช้านี้ ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 329 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.745% เพิ่มขึ้น 0.015% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 0.13 จุด ปิดที่ระดับ 143.99 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
- น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการ สบน.เผยยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิ.ย.56 มีจำนวน 5,224,965.98 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.27 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,657,756.16 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,076,174.39 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) 490,222.06 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 813.37 ล้านบาท ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 47,931.30 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาลและหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน เพิ่มขึ้น 48,585.24 ล้านบาทและ 10,487.30 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลง11,141.25 ล้านบาท หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ นั้นไม่มีคงค้าง