กสอ.ชู 4 กลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่มจากยางพารา เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 26, 2013 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสภณ ผลประสิทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงแผนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง ว่า ในปี 2556 กสอ.นำ 4 กลยุทธ์มาใช้ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพาราไทยเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางในประเทศไทยสามารถพัฒนาศักยภาพเพื่อการแข่งขันได้ในตลาดโลก และสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการรวมกว่า 130 ราย โดยรายละเอียด 4 กลยุทธ์ ประกอบไปด้วย 1.การส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่ม มีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อาทิ ส่งเสริมให้มีการพัฒนาเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางการออกแบบผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางของไทยในกลุ่มประเทศอาเซียน

2. การจัดการรวมกลุ่มเครือข่ายอุตสาหกรรมยางเพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งหมดได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ เพื่อนำมาพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเอง ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงกระบวนการผลิตที่แต่ละอุตสาหกรรมใช้ด้วย

3. การพัฒนาความเชื่อมโยงของระบบ ERP และ ITในอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางโดยระบบ ERP เป็นระบบการจัดการข้อมูลสารสนเทศที่มีความเชื่อมโยงกันในองค์กร อาทิ ฝ่ายการผลิต ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขายฝ่ายการเงิน และฝ่ายโลจิสติกส์ เป็นต้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ละฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง ซึ่งระบบดังกล่าวจะเน้นใช้ในอุตสาหกรรม SMEsทั้งนี้ กสอ.ได้มีการพัฒนาระบบให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของผู้ประกอบการแต่ละรายและเข้าไปดำเนินงานติดตั้งระบบรวมถึงการอบรมการใช้งานระบบให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้วย

4. การพัฒนาสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางโดยกสอ.ได้ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ถูกต้องตามมาตรฐาน ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งเป็นการลดต้นทุนการผลิตด้วย อาทิ การพัฒนาบ่อพักน้ำยางไม่ให้ทำลายสภาพแวดล้อมทั้งภายในโรงงานและภายนอกโรงงานที่อาจมีผลต่อชุมชนด้วย

นายโสภณ กล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยางใน AEC ว่า ปัจจุบันประเทศมาเลเซียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง มีอัตราการเติบโตสูงมาก และมีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางเป็นอันดับ 2ในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญของประเทศไทยโดยอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางในประเทศมาเลเซีย ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมกลางน้ำและอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียมีนโยบายชัดเจนที่จะส่งเสริมเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง ดังนั้นกสอ.จึงได้มีการเร่งพัฒนาแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางผ่านนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำมากขึ้น อาทิ การผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ยาง ยางรถยนต์ และถุงมือยาง ฯลฯ

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศมีมูลค่ากว่า 529,973.61 ล้านบาทแล้ว และยังเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการจ้างงานในประเทศกว่า 6 ล้านคน โดยในปี 2555 ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตและส่งออกยางธรรมชาติกว่า 1 ใน 3 ของปริมาณการส่งออกยางทั้งหมดทั่วโลก หรือ 2,998.89 ล้านกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 270,153.85 ล้านบาท โดยยางธรรมชาติที่มีการผลิตและส่งออกของไทย แบ่งเป็น 5 ชนิด ได้แก่น้ำยางยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางธรรมชาติอื่นๆ โดยผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากยางพาราได้แก่ยางรถยนต์ยางรถจักรยานยนต์ยางรถจักรยาน ถุงมือยางถุงยางอนามัย ยางรัดของและท่อยางต่างๆ เป็นต้นเพื่อส่งออกไปยังตลาดยางธรรมชาติหลักของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่นจีนสหรัฐฯมาเลเซียเกาหลีใต้ และยุโรป เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ