นายธีรัตน์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบปัญหาราคายางพาราตกต่ำที่ส่งผลให้ชาวสวนยางได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ โดยนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานว่าไทยสามารถผลิตยางได้ราว 3.6 ล้านตัน/ปี แต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออก โดยบริโภคในประเทศเพียง 500,000 ตันเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ยางพาราลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าสำคัญได้ชะลอการสั่งซื้อ จึงส่งผลต่อราคายางในประเทศที่ปรับลดลงตามกลไกตลาด
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอแนวทางในการช่วยเหลือชาวสวนยางพาราด้วยการสนับสนุนปัจจัยการผลิตในการซื้อปุ๋ยโดยตรงให้กับชาวสวนยางที่มีพื้นที่เพาะปลูกไม่เกิน 10 ไร่ ซึ่งจะครอบคลุมชาวสวนยางที่เป็นรายย่อยทั้งหมด 790,000 ราย
"ได้มีการหารือกันว่าจะให้เงินแก่เกษตรกรเป็นการลดต้นทุน โดยการให้เงินสดไปซื้อปุ๋ยแก่เกษตรกรรายย่อยที่ปลูกยางต่ำกว่า 10 ไร่ลงไป และจะจ่ายตรงไปที่เกษตรกร 790,000 ราย รวมทั้งหามาตรการอื่นๆ เช่น ปลูกพืชเสริม รวมทั้งให้โค่นต้นยางที่มีอายุเกินกว่า 25 ปี เพราะยางที่แก่เกินไปจะให้ผลผลิตต่ำ โดยจะให้มาปลูกปาล์มน้ำมันแทน" นายธีรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี อาจมีเกษตรกรบางกลุ่มที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ หรือปลูกยางในพื้นที่ป่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกยางในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องก่อน ซึ่งการช่วยเหลือทั้งหมดจะมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)เป็นหน่วยงานหลัก