ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรียังระบุว่า ขณะนี้มีปริมาณต้นยางพาราจำนวนมากแต่มีผลผลิตน้อย ซึ่งจะนำเงินจากกองทุนสงเคราะห์หรืออัตราค่าธรรมเนียมการส่งออกยางพารา(เงินเซสส์) ที่ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท ทำให้ปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีเงินอยู่กว่า 1 หมื่นล้านบาทมาใช้ในการสนับสนุนให้เกษตรกรโค่นยางเก่าที่อายุเกิน 25 ปีที่มีอยู่กว่า 1 ล้านไร่เพื่อปลูกยางใหม่และมุ่งเน้นในการปลูกปาล์มน้ำมันแทน ซึ่งทางกระทรวงพลังงานมีแนวทางในการสนับสนุนให้นำปาล์มน้ำมันไปผลิตเป็นไบโอดีเซลเนื่องจะมีการปรับน้ำมันดีเซลจาก B5 ที่มีการจำหน่ายในประเทศเป็น B7 และในอนาคตมีแผนจะเปิดโรงผลิตไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันไบโอดีเซล 100%หรือB100ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดขนาดของโรงไฟฟ้า
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่ ซึ่งตั้งแต่การประชุม กนย.เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาทำให้ราคายางพาราเพิ่มสูงขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายในการเข้าไปแทรกแซงราคายาง อย่างไรก็ตาม จะเสนอเรื่องทั้งหมดให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในวันอังคารที่ 3 ก.ย.นี้