นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.02/04 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.18/19 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าตามภูมิภาค และแรงเทขายดอลลาร์เพื่อทำกำไร
"เงินบาทกลับมาแข็งค่าตามภูมิภาค เป็นการ Take Profit และขายช่วงสิ้นเดือนเลยลงมาแรง" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.00-32.10 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.15 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 98.13 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3250 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3327 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 32.1820 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงตัวเลขเศรษฐกิจเดือน กรกฎาคม
- ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นัดหารือผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดทุนไทยในช่วงที่ผ่านมา หลังจากปรับตัวลดลงไปมากอย่างต่อเนื่อง
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย แถลงข่าวดัชนีการส่งออก (Export Performance Index: EPI) ประจำเดือนสิงหาคม 2556
- China Foreign Exchange Trading System(CFETS) รายงานว่า เงินหยวนอ่อนค่าลง 0.19% แตะที่ 6.1709 หยวนต่อดอลลาร์
- กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเดือน ก.ค.ขยายตัวขึ้น 3.2% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โดยดัชนีผลผลิตในโรงงานและเหมืองแร่อยู่ที่ระดับ 97.7 เมื่อเทียบปี 2553 ที่ระดับ 100 ส่วนดัชนีขนส่งภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 94.9 และดัชนีสต็อกสินค้าคงคลังในภาคอุตสาหกรมเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 108.6
- รัฐบาลญี่ปุ่น รายงานว่า อัตราว่างงานของญี่ปุ่นเดือน ก.ค.ปรับตัวลงเหลือ 3.8% จาก 3.9% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่สัดส่วนตำแหน่งงานที่เปิดรับต่อจำนวนผู้หางานเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 0.94% จาก 0.92% ในเดือน มิ.ย. ซึ่งหมายความว่ามีตำแหน่งงาน 94 ตำแหน่ง สำหรับผู้หางานทุกๆ 100 คน
- สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติคัดค้านการดำเนินการทางทหารของรัฐบาลต่อซีเรีย หลังการอภิปรายที่เข้มข้นเป็นเวลา 8 ชั่วโมง โดยคว่ำญัตติของรัฐบาลไปด้วยคะแนนเสียง 285 ต่อ 272
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้หลังจากญี่ปุ่นและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่รัฐสภาอังกฤษลงมติคัดค้านการแทรกแซงทางทหารของอังกฤษในซีเรีย
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้(29 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาส 2 ขยายตัวได้ดีเกินคาด
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐและประเทศพันธมิตรอาจจะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรีย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในไตรมาสที่ 2 และข่าวที่ว่า โวดาโฟนกรุ๊ป ได้เจรจาเพื่อขายหุ้นในบริษัทร่วมทุนให้กับบริษัทเวริซอน คอมมูนิเคชันส์ อิงค์ โดยดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,483.05 จุด เพิ่มขึ้น 52.99 จุด หรือ +0.82%
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย นอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ดิ่งลง 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 115.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังปรับตัวลดลงเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรียเริ่มลดน้อยลง
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.26 เยน จากระดับของวันพุธที่ 97.69 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9308 ฟรังค์ จากระดับ 0.9217 ฟรังค์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3244 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3339 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5499 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5527 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.8933 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8943