"นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน บอกว่าสนใจยางพาราของไทย เพราะจีนมีความต้องการยางพาราเพื่อมาพัฒนาสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงจะมอบหมายให้มีการประสานงานกับภาคเอกชนในการเจรจากับไทยต่อไป ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังได้ชักชวนให้จีนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการ Rubber City ของไทย โดยเห็นว่าจีนมีเทคโนโลยีการแปรรูปยางพาราที่ก้าวหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีจีนตอบรับในโครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ" นายธีรัตถ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้พาประธานบริษัท รับเบอร์วัลเลย์(Rubber Valley) ซึ่งเป็นบริษัทยางพาราที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจีนเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยภาคเอกชนของจีนกล่าวว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตยางพาราทั่วโลกมีประมาณ 10 ล้านตัน เฉพาะจีนประเทศเดียวมีความต้องการบริโภคยางพาราถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 3.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับที่ประเทศไทยผลิตได้ ดังนั้นถ้าไทยกับจีนจับมือเป็นพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมยางพาราแล้วจะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย เพราะไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตยางพาราต้นน้ำ สามารถที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศจีนที่นำยางพาราไปแปรรูปต่อได้
ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้ชักชวนให้เอกชนจีนเข้าไปลงทุนและนำเทคโนโลยีการแปรรูปยางพาราที่ประเทศไทย โดยไทยพร้อมต้อนรับและให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน และได้มอบหมายให้นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน หารือร่วมกับเอกชนจีนต่อไป ขณะเดียวกันจีนอยู่ระหว่างการผลักดันให้การกำหนดราคายางพารามาจากประเทศผู้ผลิต ไม่ใช่เกิดจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าในต่างประเทศซึ่งสร้างความผันผวนให้กับราคายางพารามาก