"ผลสุดท้ายของการจัดเก็บ ราคาจะเพิ่มแค่ 10-15%ในภาพรวม ซึ่งบางตัวอาจเพิ่ม 5-10% บางตัวอาจเพิ่ม 20% ขึ้นกับฐานของราคาเป็นหลัก...การออก พ.ร.ก.นี้เราหวังจะให้เกิดความเป็นธรรมด้านราคา และให้การจัดเก็บภาษีเป็นสากล ซึ่งอัตราภาษีใหม่ยังเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่ไม่ส่งเสริมการบริโภคสินค้านี้ โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ที่เป็นเยาวชน" อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 ส.ค.56 เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 ฉบับที่ 7 พ.ศ.2556 ลงวันที่ 3 ก.ย.56 เพื่อปรับปรุงโครงสร้างภาษีสุราทั้งระบบ ดังนี้
1.เปลี่ยนฐานในการคำนวณภาษีสุราตามมูลค่า จากเดิมที่ใช้ราคาขาย ณ โรงงานสุราสำหรับสุราที่ทำในราชอาณาจักร และราคา C.I.F.บวกด้วยอากรขาเข้าสำหรับสุราที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร มาเป็นให้ใช้ราคาขายส่งช่วงสุดท้ายการคำนวณภาษีตามมูลค่า ทั้งสุราที่ทำในราชอาณาจักร และสุราที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร
2.ปรับปรุงการเสียภาษี จากเดิมที่ให้เสียภาษีตามมูลค่าหรือตามปริมาณแล้วแต่อัตราใดจะคิดเป็นเงินสูงกว่า มาเป็นให้เสียทั้งอัตราตามมูลค่าและตามปริมาณ และ 3.ปรับปรุงเพดานอัตราภาษีสุราแช่และอัตราภาษีสุรากลั่น
อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.สุราดังกล่าวเป็นไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี อีกทั้งเพื่อให้บทบัญญัติของกฎหมายสุราสามารถบริหารจัดเก็บได้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าโลกในอนาคต ซึ่งระบบภาษีสุราใหม่นี้จะมีส่วนช่วยส่งเสริมนโยบายลดการบริโภคแอลกอฮอล์ลงด้วย
อย่างไรก็ดี สำหรับร้านค้าที่ยังมีสินค้าเดิมอยู่ในสต็อกซึ่งเป็นสินค้าที่ชำระอัตราภาษีก่อนวันที่ 4 ก.ย.56 ก็จำเป็นต้องจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในราคาเดิม แต่หากเป็นสินค้าที่สั่งเข้ามาใหม่หลังจากวันที่ 4 ก.ย.56 ไปแล้วจึงสามารถปรับเป็นราคาสินค้าได้ตามการคิดอัตราภาษีใหม่ได้
"ถ้ายังชำระในอัตราภาษีเก่า ก็ต้องขายในราคาเก่า" นายสมชาย กล่าว
พร้อมระบุว่ากรมสรรพสามิตได้มีการเตรียมความพร้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว 2-3 สัปดาห์ในเรื่องการป้องกันการกักตุนสินค้าโดยประสานงานร่วมกับกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ภายใน 1-2 วันนี้จะเชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องการกำหนดราคาขายส่งช่วงสุดท้าย เนื่องจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเป็นฐานที่กรมสรรพสามิตใช้ในการคำนวณภาษีสุราตามมูลค่า
ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตยังได้ออกร่างกฏกระทรวงเพื่อกำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ต้องแจ้งราคาขายส่งช่วงสุดท้ายมาให้รับทราบ เนื่องจากกรมสรรพสามิตจะต้องทราบราคาที่ผู้ได้รับอนุญาตให้ขายส่งสุรา(ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2)ได้ขายส่งสุราช่วงสุดท้ายให้แก่ผู้ขายปลีก
สำหรับการปรับอัตราภาษีสุราใหม่ มีวิธีการคำนวณดังนี้
- เบียร์ อัตราภาษีเรียกเก็บใหม่ตามมูลค่าอยู่ที่ 48% จากเพดานที่ 60% บวกด้วยอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ หรืออัตราภาษีตามปริมาณสุทธิ แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะมีมูลค่ามากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขเพิ่มคือ หากมีดีกรีเกินกว่า 7% จะต้องเก็บภาษีเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตร/ดีกรี
- ไวน์ หากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายไม่เกินขวดละ 600 บาท ไม่คิดอัตราภาษีตามมูลค่า แต่หากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเกินขวดละ 600 บาท จะคิดอัตราภาษีตามมูลค่าที่ 36% จากเพดานที่ 60% บวกด้วยอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ หรืออัตราภาษีตามปริมาณสุทธิ แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะมีมูลค่ามากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขเพิ่มคือ หากมีดีกรีเกินกว่า 15% จะต้องเก็บภาษีเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตร/ดีกรี
- สุราแช่อื่นๆ (รวมสุราแช่พื้นเมือง) อัตราภาษีเรียกเก็บใหม่ตามมูลค่าอยู่ที่ 5% จากเพดานที่ 25% บวกด้วยอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ หรืออัตราภาษีตามปริมาณสุทธิ แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะมีมูลค่ามากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขเพิ่มคือ หากมีดีกรีเกินกว่า 15% จะต้องเก็บภาษีเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตร/ดีกรี
- สุราขาว อัตราภาษีเรียกเก็บใหม่ตามมูลค่าอยู่ที่ 4% จากเพดานที่ 50% บวกด้วยอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ หรืออัตราภาษีตามปริมาณสุทธิ แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะมีมูลค่ามากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขเพิ่มคือ หากมีดีกรีเกินกว่า 40% จะต้องเก็บภาษีเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตร/ดีกรี
- สุรากลั่นอื่นๆ (รวมสุราผสม, สุราปรุงพิเศษ และสุราพิเศษ) อัตราภาษีเรียกเก็บใหม่ตามมูลค่าอยู่ที่ 25% จากเพดานที่ 50% บวกด้วยอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ หรืออัตราภาษีตามปริมาณสุทธิ แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะมีมูลค่ามากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขเพิ่มคือ หากมีดีกรีเกินกว่า 45% จะต้องเก็บภาษีเพิ่มอีก 3 บาท/ลิตร/ดีกรี