เงินบาทเปิด 32.18/20 แข็งค่าตามภูมิภาค-ดอลล์อ่อน มองกรอบ 32.05-32.25

"บาทกลับมาแข็งค่าตามภูมิภาค หลังดอลลาร์อ่อนค่าเนื่องจากตัวเลข Trade Balance ที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก" นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนยังคงเป็นเรื่องเดิม คือ สถานการณ์ของประเทศซีเรีย และกระทรวงแรงงานสหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ส.ค.56 ในคืนวันศุกร์นี้

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 32.05-32.25 บาท/ดอลลาร์

• ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.64/65 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 99.55 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 99.53/54 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3198/3199 1.3175 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3165/3166 ดอลลาร์/ยูโร
• อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 32.206 บาท/ดอลลาร์
• นายกิตติ เจริญกิจชัยชนะ หัวหน้าฝ่ายองค์กร สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 32.24-32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นอ่อนค่า 0.31% เมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมาที่ปิดตลาดที่ 32.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อท่าทีของสภาสหรัฐที่มีแนวโน้มจะสนับสนุนให้สหรัฐทำการโจมตีซีเรีย ส่งผลให้นักลงทุนโยกย้ายเงินกลับเข้าสกุลปลอดภัยอย่างดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท และสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
• นายสมเด็จ สุขสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์การค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 56 ว่า ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะทบทวนตัวเลขการส่งออกใหม่ เดิมคาดการณ์ไว้ที่ 7-7.5% ขณะนี้ตัวเลขส่งออก 7 เดือน ขยายตัวได้เพียง 0.6% หากสถานการณ์ภายใต้เศรษฐกิจปัจจุบันยังเป็นเช่นนี้ คาดว่าตัวเลขการส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 2.68%
• สศค.เตรียมหั่นเป้าหมายจีดีพีลง 26 กันยายนนี้ ด้าน "ปรีดิยาธร" อัดนโยบายรัฐบ้องตื้น หลอกตัวเอง ชี้ปีนี้โตถึง 4% ถือว่าเก่งแล้ว
• China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.33% แตะที่ 6.1696 หยวนต่อดอลลาร์
• ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวเล็กน้อยถึงปานกลาง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ค.ไปจนถึงปลายเดือน ส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคที่อยู่อาศัยและการเติบโตด้านการบริโภคและการผลิต
• ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่ากองกำลังทหารซึ่งนำโดยสหรัฐ อาจจะบุกโจมตีซีเรีย นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) ในวันนี้ โดยหลายฝ่ายจับตาว่า บีโอเจจะตัดสินใจยกระดับการประเมินเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ ในขณะที่การใช้จ่ายของภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น
• คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบญัตติให้อำนาจในการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย ด้วยคะแนนเสียง 10-7 ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการลงมติอย่างเต็มรูปแบบของวุฒิสภาที่มีแนวโน้มจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ญัตติดังกล่าวจำกัดระยะเวลาการโจมตีไว้ที่ 60 วัน โดยอาจจะสามารถขยายเวลาได้อีก 30 วัน และจะกำหนดกรอบให้อยู่ภายในพรมแดนของซีเรีย ขณะที่ห้ามไม่ให้มีการส่งกำลังทหารภาคพื้นดินของสหรัฐเข้าไปปฏิบัติการสู้รบในซีเรีย
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้(4 ก.ย.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโวดาโฟนช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสื่อสารทะยานขึ้นถ้วนหน้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการลงมติของวุฒิสภาสหรัฐเกี่ยวกับการโจมตีซีเรีย
• ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้เพราะได้แรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัว อย่างไรก็ตามตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่ากองกำลังทหารซึ่งนำโดยสหรัฐอาจจะบุกโจมตีซีเรีย
• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่าสหรัฐอาจจะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรียเพียงแค่ในวงจำกัด ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในตะวันออกกกลาง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ร่วงลง 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 77 เซนต์ ปิดที่ 114.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่ารัสเซียได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่สหรัฐจะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรีย ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ร่วงลง 22 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 1,390 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 1.014 ดอลลาร์ ปิดที่ 23.415 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.ร่วงลง 43.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1494.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 19.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 698.25 ดอลลาร์/ออนซ์
• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่าสหรัฐมียอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ค. โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9361 ฟรังค์ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9364 ฟรังค์ แต่ขยับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 99.74 เยน จากระดับ 99.47 เยน ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3207 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3169 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5623 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5563 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9169 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9053 ดอลลาร์สหรัฐ
• ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโวดาโฟน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มสายการบินได้ปรับตัวลดลงหลังเจ้าหน้าที่สหรัฐแสดงความเห็นสนับสนุนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐในปฏิบัติการโจมตีซีเรีย โดยดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,474.74 จุด เพิ่มขึ้น 6.33 จุด หรือ +0.10%