อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากตัวเลขสถิติ ย้อนหลัง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าช่วงเดือนกันยายน — ตุลาคม จะเป็นช่วงที่ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี ดังนั้นจึงมองว่าแนวโน้มราคาทองคำอาจจะมีสัญญาณ Reverse เข้าสู่ขาลงอีกครั้งหลังราคาแตะระดับสูงสุดของในช่วงดังกล่าว
“โดยปกติแล้วช่วงเดือนธันวาคม ของทุกปี มักจะเป็นเดือนที่กองทุนต่างๆ Take Profit และมีการเทขายทองคำออกมา ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงเดือนสุดท้ายของปี ดังนั้นราคาทองคำจึงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงเดือนกันยายน — ตุลาคม และหลังจากน่าจะมีการย่อตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ในขณะเดียวกัน หากเกิดปัญหาการสู้รบในซีเรีย โอกาสที่นักลงทุนจะกลับมาถือครองทองคำ ก็มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ราคาทอง(รวมถึงราคาน้ำมัน)ยังสามารถยืนอยู่ได้" นายทรงวุฒิ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่นักลงทุนควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาการสู้รบในซีเรีย ปัญหาเพดานหนี้ในสหรัฐฯ และที่สำคัญที่สุดคือประเด็นในเรื่องของการลดมาตรการ QE ที่สหรัฐฯอาจจะชะลอมาตรการการ โดยในขั้นต้น อาจจะลดปริมาณเงินในการซื้อพันธบัตรคืนจาก 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 70,000-75,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการประชุม FOMC ประจำเดือน กันยายน, ตุลาคม หรือ ธันวาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งจำนวนที่จะลดนั้นยังไม่แน่นอน รวมถึง Timing ในการลด QE นั้นก็ยังไม่แน่นอนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน กรณีเรื่องค่าของเงิน US ดอลลาร์ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินสกุลต่างๆทั่วโลกในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย ให้ความเห็นตรงกันว่า น่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งจะมีผลกดดันต่อราคาทองคำในตลาดโลกเช่นกัน
สำหรับเป้าประมาณการยอดขายของ GBX ในปี 2556 นี้ตั้งไว้ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท จากปี 2555 ที่ยอดขายอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2555 หรือเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปี 2554