นายกฯ เตรียมนำคณะโรดโชว์ดึงการลงทุนจากสวิส-อิตาลี 9-13 ก.ย.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 5, 2013 11:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 9-13 ก.ย.นี้ ผู้บริหารของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และสำนักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) จะร่วมเดินทางไปกับคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในโอกาสเยือนสมาพันธรัฐสวิสและสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีด้านการค้า และการลงทุนร่วมกัน รวมถึงใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เรื่องโอกาสและศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาค รวมทั้งความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558

โดยในวันที่ 10 ก.ย.56 บีโอไอร่วมกับหน่วยงานฝ่ายไทยและฝ่ายสวิสเซอร์แลนด์ จัดสัมมนาทางธุรกิจภายใต้หัวข้อ "Swiss-Thai Business Cooperation" ณ นครซูริก สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งจะมีภาคเอกชนของสวิตเซอร์แลนด์ในสาขาธุรกิจต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมและบริการ รวมทั้งภาคการเงิน ให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 100 คน ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีของไทยจะกล่าวสุนทรพจน์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและชักจูงการลงทุน พร้อมกับเป็นประธานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหน่วยงาน/องค์กรของไทยและสวิสเซอร์แลนด์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนของสองประเทศ

หลังจากนั้นวันที่ 11-12 ก.ย.56 จะมีการจัดงาน Business Forum ที่กรุงโรมและมิลาน ประเทศอิตาลี โดยมีนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการบีโอไอเข้าร่วมบรรยายภาพรวม โอกาส และลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้จะมีการลงนามต่ออายุบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและ Italian Trade Promotion Agency(ICE) ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทอิตาลี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีลงนามด้วย

ด้านนายอุดม กล่าวว่า สวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศผู้ลงทุนสำคัญและเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก โดยเป็นหนึ่งในประเทศจากยุโรปที่เข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 45-ก.ค.56 มีโครงการจากสวิสเซอร์แลนด์ได้รับส่งเสริมการลงทุนแล้ว 134 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 64,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และกระดาษ รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมโลหะและเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร เป็นต้น

"เศรษฐกิจโดยรวมของสวิส แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุโรปแต่ก็ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 ซึ่งการเยือนสวิสเซอร์แลนด์ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ของสองประเทศ โดยเฉพาะด้านการลงทุนที่สวิสมีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการชักจูงให้มาลงทุนในไทย อาทิ เครื่องจักร/อุปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูง เคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยา และเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น รวมถึงโอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิดการร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยในการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือขั้นตอนการผลิตในอนาคต" นายอุดม กล่าว

สำหรับอิตาลีมีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ที่ไทยสามารถนำมาเป็นตัวอย่างได้ทั้งด้านการนำเทคโนโลยีภูมิปัญญาท้องถิ่น และเอกลักษณ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์สินค้า ซึ่งเอสเอ็มอีจากอิตาลีก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งในการชักจูงการลงทุน ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 45-ก.ค.56 มีโครงการลงทุนจากอิตาลีได้รับส่งเสริมการลงทุนแล้ว 67 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 8,250 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านอุตสาหกรรมโลหะและเครื่องจักรกล โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้ตั้งเป้าดึงการลงทุนในกลุ่มที่มีศักยภาพของอิตาลีให้เข้ามาลงทุนในไทย อาทิ อุตสาหกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม ไบโอเทคโนโลยี อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โลหะและเครื่องจักร เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ