"ตอนนี้ ก็ให้ไปดูว่าวิธีการเดิมที่เปิดประมูลเหมาะสมหรือไม่ หรือต้องปรับหลักเกณฑ์ใหม่ เช่น จะประมูลยกคลังหรือไม่ยกคลัง และนำข้อเสนอที่เอกชนของเอกชนมาประกอบการพิจารณาในเรื่องของการการันตีคุณภาพข้าวว่าสามารถทำได้หรือไม่" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
สำหรับการระบายข้าวให้กับเอกชนต่างประเทศโดยตรง และการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ก็มีความคืบหน้ามากขึ้น ล่าสุดการขายข้าวให้จีน 1.2 ล้านตัน อิหร่าน 2.5 แสนตันนั้น ยืนยันว่าเป็นสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่บันทึกความเข้าใจ(MOU) โดยจีนจะรับมอบข้าวบางส่วนภายในปีนี้ เช่นเดียวกับอิหร่านที่จะรับมอบข้าวในช่วงเดือนต.ค.นี้ ขณะที่อิรักจะเดินทางมาไทย เพื่อเจรจาซื้อขายข้าวในเร็วๆ นี้เช่นกัน
ทั้งนี้ การระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลจนถึงขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์สามารถส่งเงินจากการระบายข้าวคืนให้กับกระทรวงการคลังได้แล้ว 1.5 แสนล้านบาท และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะสามารถส่งเงินคืนได้ตามแผน 2 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน พร้อมเชื่อว่าการส่งออกข้าวของไทยในปี 2556 จะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านตัน โดยตั้งแต่ม.ค.ถึงปัจจุบันสามารถส่งออกข้าวแล้ว 4 ล้านกว่าตัน
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีปัญหากับกระทรวงการคลังในเรื่องของการหาเงินมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาล 2556/57 ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติกรอบวงเงินหมุนเวียน 2.7 แสนล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะเป็นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันส่วนหนึ่ง และเงินจากการระบายข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาขายข้าว ดังนั้นกระแสข่าวที่ระบุว่าทั้ง 2 หน่วยงานเสียงแตกในเรื่องการหางบประมาณรับจำนำข้าวนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะทั้ง 2 หน่วยงานได้หารือเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โครงการับจำนำข้าวของรัฐบาลเดินหน้าต่อไป
สำหรับการรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่จะใช้วิธีรับจำนำมาแล้วเปิดระบายเป็นข้าวนึ่งให้กับผู้ส่งออก เพื่อลดภาระการจัดเก็บสต๊อกข้าวของรัฐบาลหรือไม่นั้น รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ มองว่า ตลาดข้าวนึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการส่งออกข้าวไทยเท่านั้น และปกติเอกชนจะหาซื้อข้าวเปลือกในตลาดเพื่อทำตลาดข้าวนึ่งอยู่แล้ว ดังนั้นการใช้รูปแบบระบายข้าวเพื่อทำข้าวนึ่งคงทำไม่ได้ทั้งหมด ต้องดูความต้องการตลาดและระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ยืนยันรัฐบาลมีโกดังกลางในการจัดเก็บสต๊อกข้าวฤดูกาลใหม่อย่างเพียงพอ