สำหรับงบประมาณ 200 ล้านบาท เบื้องต้นจะเสนอขอใช้งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(กองทุนส่งออก) ว่าสามารถนำงบจากกองทุนส่งออกมาใช้ได้หรือไม่ หากไม่ได้หรือขัดหลักเกณฑ์ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขอใช้งบกลางมาจัดทำระบบฐานข้อมูลออนไลน์ต่อไป
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าระบบดังกล่าวจะป้องกันปัญหาการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลได้ เพราะระบบนี้จะช่วยให้ขั้นตอนการดำเนินงานโปร่งใสมีประสิทธิภาพ สามารถรายงานผลการรับจำนำได้ทันสถานการณ์ ซึ่งจะใช้ตั้งแต่การออกใบประทวนให้เกษตรกร จนถึงการสีแปรสภาพข้าว และส่งข้าวสารเข้าโกดังกลางรัฐบาล ทำให้ทราบว่าข้าวสารที่สีแปรอยู่ในโกดังไหนบ้าง ปริมาณเท่าใด โดยจะใช้กับการรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ แต่อนาคตจะมีการเชื่อมโยงข้าวทั้งหมดในสต๊อกต่อไป
นายนิวัฒน์ธำรง ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กขช.ยังอนุมัติให้นำข้าวสารจากสต๊อกรัฐบาลไปใช้จ่ายหนี้ค่าเช่าโกดังกลางที่รัฐบาลยังติดค้างตั้งแต่ปี 51/52 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีหนี้ค้างค่าเช่าโกดังรวมดอกเบี้ยประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้อัตราการคืนเงินใช้จากราคาข้าวในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ โดยให้โรงสีและโกดังกลางรับซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลไปหักบัญชีหนี้ในราคาตลาด
"เงินค้างค่าเช่าโกดัง ก็จะนำงบประมาณมาจ่ายหนี้ก่อน แต่หากใช้หนี้ไม่หมดก็ให้นำข้าวสต๊อกรัฐบาลมาหักได้ในส่วนที่เหลือ ซึ่งงบประมาณที่จะจ่ายค่าเช่ามีประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว