สำหรับกรณีเกษตรกรทำสวนยางในพื้นที่ในเขตป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีเกษตรกรเข้าไปทำสวนยางในพื้นที่ป่าสงวนประมาณ 3.3 ล้านไร่ และเขตอุทยานแห่งชาติอีกประมาณ 1 ล้านไร่ ก็จะเป็นอีกขั้นตอนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องเข้าไปตรวจสอบและพิสูจน์สิทธิ์การถือครองที่ดินว่าเป็นไปตามกฎหมายของกรมป่าไม้และกฎหมายของอุทยานแห่งชาติ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีจำนวน 2 ครั้งที่กำหนดให้ใช้พื้นที่ได้ รวมถึงมีการใช้สิทธิ์ที่ดินอยู่ก่อนจะมีการประกาศเป็นเขตพื้นที่ป่าหรืออุทยานหรือไม่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะส่งรายชื่อและข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ให้แก่กรมป่าไม้ เพื่อตรวจสอบตามกฎหมายว่าจะช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างไรต่อไป
ในส่วนของความคืบหน้าการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้ได้มีเกษตรกรมาแจ้งขึ้นทะเบียนแล้ว 1 แสนราย ซึ่งคาดว่าจะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจพื้นที่ปลูกยางทุกแปลงที่จะเกิดความชัดเจนของพื้นที่การรับการช่วยเหลือรายละไม่เกิน 25 ไร่ เกษตรกรมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง และไม่เปิดกรีดยางมาแล้วเกิน 25 ปี ส่วนเกษตรกรบางรายที่ได้มีการแบ่งที่ดินให้ลูกหลานเพื่อประกอบอาชีพ ก็ต้องมีเอกสารทางราชการ และโฉนดที่ดินที่จัดสรรแล้วอย่างถูกต้องยืนยันถึงจะเข้าร่วมโครงการได้