สภาหอฯจับมือห้างค้าปลีก ยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรรองรับการแข่งขัน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 17, 2013 13:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวทางในการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรไทยในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือจากเครือข่ายของสภาหอการค้าฯ ประกอบด้วย สมาคมผู้ค้าปลีกไทยและห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 5 แห่ง ได้แก่ บมจ. สยามแม็คโคร (MAKRO) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด และ บมจ. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) ที่จะร่วมมือกันพัฒนาผู้ประกอบการของไทยสู่ AEC ด้วยมาตรฐาน ThaiGAP โดยจะมีการจัดจำหน่ายผักผลไม้ที่ได้มาตรฐาน ThaiGAP ในห้าง ช่วยในด้านการขยายตลาด และสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรของไทย และที่สำคัญยังช่วยในด้านความปลอดภัยต่อผู้บริโภคอีกด้วย

อนึ่ง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดตั้งสถาบันส่งเสริมคุณภาพเกษตรไทย หรือที่เรียกกันว่า “สถาบัน ThaiGAP" ขึ้น เมื่อปี 2552 โดยร่วมมือกับสถาบันอาหาร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมาตรฐาน ThaiGAP นี้ เป็นมาตรฐานเอกชนในการจัดการคุณภาพการผลิตผักและผลไม้ที่เน้นความปลอดภัยด้านอาหารแก่ผู้บริโภค และยังเป็นมาตรฐานระบบการผลิตที่คำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้ปฏิบัติการและสิ่งแวดล้อม และยังเป็นมาตรฐานที่สากลให้การยอมรับเทียบเท่ากับมาตรฐาน GlobalGAP โดยแบ่งเป็น “มาตรฐาน ThaiGAP Level 1" สำหรับใช้กับผู้ผลิต ที่ต้องการส่งออก และ “มาตรฐาน ThaiGAP Level 2" ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตเพื่อการขายภายในประเทศ

ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ส่งออกสินค้าเกษตร พบว่า ปัจจุบันประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยได้นำเรื่องมาตรฐานสินค้าเข้ามามีส่วนสำคัญในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งมาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทยอย่างมาก และเป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ให้มูลค่าการส่งออกผักของไทยไปยุโรปลดลง เนื่องจากที่ผ่านมายังมีข่าวการพบสารปนเปื้อนอยู่เป็นระยะ อีกทั้งในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) ก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก

โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีมูลค่า 584,273.8 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.4 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ที่มียอดการส่งออกลดลงร้อยละ 8.8 อาทิ ยางพารา อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และน้ำตาล ในขณะที่ข้าวและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น

สาเหตุหลักของการส่งออกที่ลดลง ยังคงมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ชะลอตัว รวมทั้ง สถานการณ์ความไม่สงบในแอฟริกาและตะวันออกกลาง และการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท

“สภาหอการค้าฯ กำลังจับตาดูสถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมายังมีข่าวการพบสารปนเปื้อนอยู่เป็นระยะ อีกทั้งในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) ก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางออกในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือการเร่งยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรของไทยให้สูงขึ้น ไทยเราก็มี “มาตรฐาน Thai GAP” ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน และสถาบันอาหารได้ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา และเป็นมาตรฐานเอกชนที่มีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐาน GlobalGAP ซึ่งกำหนดโดยกลุ่มผู้ค้าปลีกในสหภาพยุโรปและได้รับการยอมรับจากสากลอยู่แล้ว น่าจะเป็นทางออกที่ดีของสินค้าเกษตร สำหรับการแข่งขันกับตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” นายอิสระ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรของไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง เน้นสร้างมาตรฐานทั้งกระบวนการผลิตจากระดับฟาร์มจนถึงการส่งออก และควรปรับการผลิตจากฟาร์มขนาดเล็กเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ (plantation) โดยการรวมกลุ่มเกษตรกรผลิตพืชผักที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิต ลดต้นทุนในการรับรองมาตรฐานคุณภาพสินค้า และเพิ่มมูลค่าผลผลิตได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 หากไทยปรับตัวได้เร็วมากเพียงใดก็จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในกลุ่มอาเซียน ซึ่งขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนก็เริ่มรุกการส่งออกสินค้าเกษตรในกลุ่มดียวกับประเทศไทยมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ