อนึ่ง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดตั้งสถาบันส่งเสริมคุณภาพเกษตรไทย หรือที่เรียกกันว่า “สถาบัน ThaiGAP" ขึ้น เมื่อปี 2552 โดยร่วมมือกับสถาบันอาหาร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมาตรฐาน ThaiGAP นี้ เป็นมาตรฐานเอกชนในการจัดการคุณภาพการผลิตผักและผลไม้ที่เน้นความปลอดภัยด้านอาหารแก่ผู้บริโภค และยังเป็นมาตรฐานระบบการผลิตที่คำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้ปฏิบัติการและสิ่งแวดล้อม และยังเป็นมาตรฐานที่สากลให้การยอมรับเทียบเท่ากับมาตรฐาน GlobalGAP โดยแบ่งเป็น “มาตรฐาน ThaiGAP Level 1" สำหรับใช้กับผู้ผลิต ที่ต้องการส่งออก และ “มาตรฐาน ThaiGAP Level 2" ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตเพื่อการขายภายในประเทศ
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ส่งออกสินค้าเกษตร พบว่า ปัจจุบันประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยได้นำเรื่องมาตรฐานสินค้าเข้ามามีส่วนสำคัญในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งมาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทยอย่างมาก และเป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ให้มูลค่าการส่งออกผักของไทยไปยุโรปลดลง เนื่องจากที่ผ่านมายังมีข่าวการพบสารปนเปื้อนอยู่เป็นระยะ อีกทั้งในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) ก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก
โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีมูลค่า 584,273.8 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.4 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร ที่มียอดการส่งออกลดลงร้อยละ 8.8 อาทิ ยางพารา อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และน้ำตาล ในขณะที่ข้าวและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น
สาเหตุหลักของการส่งออกที่ลดลง ยังคงมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ชะลอตัว รวมทั้ง สถานการณ์ความไม่สงบในแอฟริกาและตะวันออกกลาง และการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท
“สภาหอการค้าฯ กำลังจับตาดูสถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมายังมีข่าวการพบสารปนเปื้อนอยู่เป็นระยะ อีกทั้งในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหภาพยุโรป (EU) ก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางออกในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือการเร่งยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรของไทยให้สูงขึ้น ไทยเราก็มี “มาตรฐาน Thai GAP” ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน และสถาบันอาหารได้ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา และเป็นมาตรฐานเอกชนที่มีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐาน GlobalGAP ซึ่งกำหนดโดยกลุ่มผู้ค้าปลีกในสหภาพยุโรปและได้รับการยอมรับจากสากลอยู่แล้ว น่าจะเป็นทางออกที่ดีของสินค้าเกษตร สำหรับการแข่งขันกับตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนในอนาคต” นายอิสระ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรของไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง เน้นสร้างมาตรฐานทั้งกระบวนการผลิตจากระดับฟาร์มจนถึงการส่งออก และควรปรับการผลิตจากฟาร์มขนาดเล็กเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ (plantation) โดยการรวมกลุ่มเกษตรกรผลิตพืชผักที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิต ลดต้นทุนในการรับรองมาตรฐานคุณภาพสินค้า และเพิ่มมูลค่าผลผลิตได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 หากไทยปรับตัวได้เร็วมากเพียงใดก็จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในกลุ่มอาเซียน ซึ่งขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนก็เริ่มรุกการส่งออกสินค้าเกษตรในกลุ่มดียวกับประเทศไทยมากขึ้น