"ถ้ามาตรการ QE ลดลงแสดงว่าสหรัฐค่อนข้างแน่ใจว่าเศรษฐกิจเข้าที่ ระบบเศรษฐกิจของโลกเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นไปตามกลไกตลาด เป็นไปตามกลไกการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศก็ใช้มาตรการ QE เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งถ้าสหรัฐลด QE ก็จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเติบโตสอดคล้องกับความเป็นจริง ถ้าเศรษฐกิจดีก็คงจะมีผลทางบวกต่อการส่งออกของประเทศไทย แต่ก็ต้องดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เพราะเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะถูกนำกลับไปเพื่อปรับเปลี่ยนประเทศก่อน ไม่ล้นตลาดแล้ว ก็อาจจะทำให้ค่าเงินมีความผันผวน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลให้สอดคล้องกับประเทศคู่แข่งด้านการส่งออก"นายพยุงศักดิ์ กล่าว
ส่วนพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่จะมีการพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภา เชื่อมั่นว่าจะเป็นเรื่องที่ดี โดยจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้
ทั้งนี้ มองว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวนั้นจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเป็นการขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคเอเชียได้
ด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ ส.อ.ท.ยังมั่นใจว่ายอดผลิตรถยนต์ในปีนี้จะอยู่ที่ 2.55 ล้านคัน หลังยอดส่งออกและยอดขายในประเทศยังเติบโตดี โดยเฉพาะหากเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง
ส่วนเรื่องกลุ่มเกษตรกรออกมาเรียกร้องเรื่องราคายางนั้น เบื้องต้นพบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลใจ เพราะทำให้ผิดนัดคำสั่งซื้อ ต้องเดินทางอ้อม ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวเกิดปัญหา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ
นายพยุงศักดิ์ มองว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะเติบโต 4% โดยมีทิศทางใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในทิศทางชะลอตัว โดยในไตรมาสที่ 4 จะต้องรอดูสัญญาณความเชื่อมั่นจากดัชนีว่าอยู่ในทิศทางใด