นาย
โอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาความตกลง
การค้าเสรี (
FTA) ไทย-
สหภาพยุโรป (
อียู) เปิดเผยถึงผลการประชุมเจรจา
เอฟทีเอไทย-
อียู ครั้งที่ 2 สำหรับประเด็น
ทรัพย์สินทางปัญญา เรื่องการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ที่ภาคประชาสังคมกังวลนั้น ไทยได้ย้ำกับ
อียูว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก แนวทางการเจรจาของไทย จะยึดหลักการของความตกลงว่าด้วยสิทธิใน
ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (ทริปส์) ภายใต้องค์การการค้าโลก (
WTO) และจะยึดถือความยืดหยุ่นตามปฏิญญารัฐมนตรีโดฮาในส่วนที่เกี่ยวกับทริปส์ และการสาธารณสุข ซึ่ง
อียูตระหนักถึงข้อกังวลของฝ่ายไทย และยืนยันว่า
อียูมีความยืดหยุ่นในเรื่องนี้ และเห็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองฝ่าย ส่วนการเจรจาครั้งที่ 3 จะมีขึ้นในเดือนธ.ค.56 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้หารือกันในหลายเรื่อง เช่น การเปิดตลาดสินค้าและการค้าบริการ การลงทุน มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคทางการค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดของสินค้า พิธีการทางศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ มาตรการเยียวยาทางการค้า และการค้าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
"หลังจากประชุมที่เชียงใหม่เสร็จแล้ว คณะเจรจาจะหารือกับภาคเอกชน ประชาชน วิชาการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและอัพเดทท่าทีในการเจรจา โดยจะดูความเชื่อมโยงของแต่ละเรื่องที่เจรจาด้วย เช่น การคุ้มครองแรงงานและสิ่งแวดล้อมจะมีผลต่อเรื่องการลดภาษีสินค้าอย่างไรบ้าง หรือหากอียูยอมลดภาษีสินค้าผักผลไม้ให้ไทยแล้ว อียูจะต้องไม่ใช้มาตรการสุขอนามัยพืชและสัตว์ (เอสพีเอส) มากีดกันการนำเข้า เพื่อให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากการเจรจาในภาพรวม" นายโอฬารกล่าว
อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/นิศารัตน์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--