"เงินบาทแข็งค่าลงมาค่อนข้างเยอะ ตามสกุลเอเซีย หลังมติเฟดเซอร์ไพรส์ตลาดพอสมควร" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทน่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง เพราะเงินดอลลาร์น่าจะกลับมาสู่เอเซีย แต่คงไม่หลุด 31.00 บาท/ดอลลาร์ อาจจะมีรีบาวน์ขึ้นไปด้านบนได้บ้าง แต่คาดว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ยังน่าจะแข็งค่าต่อจนกว่าจะมีข่าวเฟดถอนมาตรการ QE
อย่างไรก็ตาม ผลจากมติเฟดต้องจับตาเงินทุนไหลเข้าตลาดเอเซีย
ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.00-31.25 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.12 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 99.40 เยน/ดอลลาร์ ลงมาประมาณ 1 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3525 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.3380 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.6950 บาท/ดอลลาร์
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานผลการดำเนินงานภาพรวมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในไตรมาสแรกว่า ภาพรวมสินเชื่อมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลดลง โดยมียอดสินเชื่อคงค้างทั้งระบบอยู่ที่ 4.25 ล้านล้านบาทเพิ่มจากสิ้นปีก่อนที่มียอดรวม 4.12 ล้านล้านบาท
- นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศว่า ธปท.กำหนดแผนการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือน ก.ย.ปีนี้ เพื่อใช้ในการดูแลดูดซับสภาพคล่องและบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสมตามนโยบายการเงิน โดยจะออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยรุ่น พ.38/14/56 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาทอายุ 14 วัน ออกจำหน่าย
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) พร้อมประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เฟดประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) วงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน คิดเป็นวงเงินทั้งสิ้น 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดระบุว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลาง แต่เฟดตัดสินใจที่จะรอดูหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ก่อนที่เฟดจะปรับเปลี่ยนขนาดโครงการซื้อพันธบัตรซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
นอกจากนี้ เฟดยืนยันว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่เคลื่อนไหวสูงกว่าระดับ 2.5%
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อคืนนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนก.ค.บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวในอัตราปานกลาง ปัจจัยชี้วัดบางประการเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานได้แสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจมีความคืบหน้า และภาคที่อยู่อาศัยมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยจำนองได้ปรับตัวขึ้นต่อไป และนโยบายการคลังกำลังสกัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หากไม่พิจารณาความผันผวนที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาพลังงานแล้ว เงินเฟ้อได้ปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการ แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวยังคงทรงตัว
- ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ
- นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค ได้รับปัจจัยบวกจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ คือเรื่องของ FOMC ที่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ประกอบกับวันนี้จะมีการนำร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท เข้าที่ประชุมรัฐสภา แต่อย่างไรก็ตามคาดช่วงบ่ายจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง พร้อมให้แนวรับที่ 1,440 จุด และแนวต้าน 1,462-1,465 จุด
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) เนื่องจากแรงขายทำกำไร หลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป