ทั้งนี้ ยังย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร เพราะได้มีการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณส่วนนี้ได้
พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลได้ตระหนักดีว่า การผ่านร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทฉบับนี้ จะทำให้ประเทศต้องมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการงบประมาณในส่วนนี้อย่างระมัดระวัง
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต รมว.คลัง กล่าวว่า งบประมาณในหลายๆโครงการที่มีการบรรจุไว้ในร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทฉบับนี้ สามารถบริหารจัดการได้จากงบประมาณปกติ และแม้ว่าร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทฉบับนี้จะไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ รัฐบาลก็ยังสามารถจัดสรรงบประมาณจากช่องทางปกติมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อยู่แล้ว
"ปัญหาของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ไม่มีเงินลงทุน แต่อยู่ที่การบริหารจัดการงบประมาณ และการขาดประสิทธิภาพในการเบิกจ่ายงบ ซึ่งหากรัฐบาลแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องออกพ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อสร้างภาระหนี้สินให้กับประเทศ และเป็นห่วงว่ารัฐบาลไม่สามารถจะรักษาวินัยการเงินการคลังได้ และมองว่ารัฐบาลสามารถออกพ.ร.บ.เงินกู้ โดยใช้เงินเพียง 4 แสนล้านบาทเท่านั้น และในส่วนของเงินกู้ 1.6 แสนล้านบาท สามารถดำเนินการผ่านขั้นตอนของงบประมาณประจำปีได้ โดยสามารถกำหนดงบประมาณผ่านงบลงทุนได้"นายกรณ์ กล่าว