นายสมเกียรติ มองว่า เศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังมีความน่าเป็นห่วง เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพาการชี้นำโดยภาครัฐผ่านธนาคารของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่างๆ รวมถึงเป็นระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่คำนึงถึงพวกพ้อง ส่งผลให้คนร่ำรวยจากผลประโยชน์ ขณะที่รายได้ต่อประชากรยังไม่ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง
นายวิรไท สันติประภพ ที่ปรึกษา ทีดีอาร์ไอ เชื่อว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทน่าจะผ่านการพิจารณาของสภาฯได้ แต่โจทย์ใหญ่ที่สำคัญคือ ความคุ้มค่าของการลงทุนและการเบิกจ่ายเม็ดเงินที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในช่วงปีที่ 3-4 ของระยะเวลาโครงการรวมทั้งหมด 7 ปี ซึ่งคงยังไม่ได้เห็นผลชัดเจนในปีนี้และปีหน้า
"ถ้ามีเหตุที่ทำให้พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทต้องชะลอออกไป ก็เชื่อว่าการลงทุนหลายโครงการตามแผนของพ.ร.บ.นี้ ยังคงสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะโครงการ 25% ได้ผ่านการออกแบบ ผ่านการขออนุญาตและพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ผ่านกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณตามปกติ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ที่ศึกษาออกแบบแล้วเสร็จพร้อมก่อสร้าง ขณะที่ส่วนใหญ่ที่เหลืออีก 75% ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน จึงยังไม่เกิดผลโดยเร็ว" นายวิรไท กล่าว
ด้านนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เม็ดเงินจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท น่าจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงปี 57 มากกว่าปีนี้ และคาดว่าจะเห็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยชัดเจนในปี 58 ดังนั้นระหว่างนี้รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับการเบิกจ่ายและใช้งบประมาณในบางโครงการที่มีความพร้อม เพื่อให้สามารถนำมาเบิกจ่ายตามปกติในงบประมาณประจำปีได้