นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้อยู่ที่ระดับ 31.08/09 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.96/98 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค
"(เงินบาท)กลับมาอ่อนค่าหลังจากเมื่อวานแข็งค่าลงไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งตามแรงเทขายทำกำไร" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ในกรอบระหว่าง 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์
"แนวโน้มระยะกลางเงินบาทยังมีโอกาสที่จะปรับตัวแข็งค่าได้อีก แต่คงไม่ปรับตัวเร็งเหมือนช่วงก่อนหน้านี้" นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.44 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 98.12 บาท/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3534 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3525 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.0310 บาท/ดอลลาร์
- สินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภทปรับตัวขึ้นแรงรับเฟดคงคิวอี ผิดความคาดหมายที่คาดว่าจะมีการลดขนาดวงเงิน เงินทุนไหลเข้าดันตลาดไทยพุ่ง 50 จุด วอลุ่มทะลัก 8 หมื่นล้านบาท ส่วนราคาทองขยับแรง บรรดาผู้เชี่ยวชาญประเมินเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น
- นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ มอบนโยบายการทำงานให้กับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ 62 แห่งว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ไปจัดทำแผนและยุทธศาสตร์ผลักดันการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หากแต่ละตลาดมีแผนงานและกลยุทธ์ที่ชัดเจน จะทำให้การส่งออกในช่วงที่เหลือขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
- นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะจัดตั้งสถาบันการเงินพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ถือเป็นปัญหาระดับรากหญ้าที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นสถาบันการเงินที่ดำเนินงานเพื่อรากหญ้าในการให้บริการด้านสินเชื่อรายย่อยเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการรับฝากเงิน และสามารถคิดอัตราดอกเบี้ยได้สูงขึ้นจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อรายย่อยนั้นจะมีต้นทุนดำเนินการที่สูงกว่า ส่วนวิธีการระดมเงินในการปล่อยกู้นั้นคาดว่าจะใช้วิธีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (พี/เอ็น) หรือการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งปี 2552 หลังจากหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.พุ่งขึ้น 61.7 ดอลลาร์ หรือ 4.72% ปิดที่ 1,369.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค.พุ่งขึ้น 1.728 ดอลลาร์ ปิดที่ 23.292 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.พุ่งขึ้น 47.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1473.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 35.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 738.20 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง หลังจากซีเรียยอมให้คณะผู้ตรวจสอบต่างชาติเข้ามาตรวจโรงงานอาวุธเคมี โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ร่วงลง 1.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 106.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย.ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดขึ้น 0.6% ปิดที่ 315.05 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.51, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,694.18 จุด เพิ่มขึ้น 58.12 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,206.04 จุด เพิ่มขึ้น 35.64 จุด หรือ +0.85% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,625.39 จุด เพิ่มขึ้น 66.57 จุด หรือ +1.01%
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตัดสินใจเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ต่อไป โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.31 เยน จากระดับของวันพุธที่ 97.96 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9105 ฟรังค์สวิส จากระดับ 0.9135 ฟรังค์สวิส ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3527 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3506 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.6033 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6111 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9440 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9505 ดอลลาร์สหรัฐ