"เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ถ้างบประมาณปี 57 ไม่ได้เริ่มใช้ทันวันที่ 1 ตุลาฯ ที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ก็ต้องบริหารจัดการ ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นแล้วว่าความล่าช้าเกิดจะอะไร" นายกิตติรัตน์ กล่าว
เมื่อวานนี้(25 ก.ย.56) ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของสมาชิกรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคหนึ่ง(1) ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 มาตรา 27 และมาตรา 28 มีข้อความขัดแย้งหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถุกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคแปด และวรรคเก้าหรือไม่
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ผลกระทบอาจมีไม่มากนักหากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นโดยเร็ว ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 56 จำนวน 1.2 แสนล้านบาทที่ยังคั่งค้างอยู่
ส่วนที่ภาคเอกชนกังวลว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวไม่ถึง 4% นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามเร่งส่งเสริมการจ้างงาน และการกระจายรายได้ อย่างเมื่อปี 55 ที่เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้น้อยเพียง 2% แต่ก็เริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จนทำให้ทั้งปีขยายตัวถึง 6.5%
สำหรับความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างรอเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา ซึ่งทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
นายกิตติรัตน์ ยังแสดงความไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดหลักเกณฑ์การซื้อขายทองคำหลังเกิดภาวะราคาผันผวนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากกลไกที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถดูแลเรื่องการนำเข้าและส่งออกได้อยู่แล้ว