สำหรับการประชุมครั้งนี้ ทางอินโดนีเซีย ในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ประจำปี 56 ได้กำหนดหัวข้อหลักของการประชุมในปีนี้ว่า “เอเชียแปซิฟิกที่แข็งแกร่ง แรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก" (Resilient Asia-Pacific, Engine of Global Growth) โดยมีประเด็นหลัก 3 ประเด็นที่ให้ความสำคัญ ได้แก่ 1) การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ 2) การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม และ 3) การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งประเด็นเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะกล่าวนำในหัวข้อ “การพัฒนาการผลิตอาหารด้วยทรัพยากรน้ำอันจำกัด" ซึ่งประเด็นสำคัญที่จะหยิบยก ได้แก่ บทบาทนำของไทยในวาระด้านน้ำ ทั้งการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำ และการจัดประชุมในระดับภูมิภาค, นโยบายการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และ ความร่วมมือกับภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งประสบปัญหาความมั่นคงทางอาหารเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้น จะพบภาคเอกชนในการประชุมต่าง ๆ ได้แก่ การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการของไทยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้แทนภาคเอกชนจากทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะในประเด็นความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงทางอาหาร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการมีส่วนร่วมของสตรีในระบบเศรษฐกิจ
รวมทั้ง หารือทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ อาทิ จีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและผู้นำคนใหม่ของออสเตรเลียได้ขอพบหารือกับนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง
การพบปะหารือกับ US-APEC Business Coalition ซึ่งจะเป็นการพบปะหารือกับองค์กรธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น US-ASEAN Business Council, US Chamber of Commerce, Council of the America และ National Center for APEC รวมถึงผู้บริหารระดับสูงจากภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกา อาทิ Time Warner, Chevron, Johnson & Johnson, Hewlett Packard, Eastman Chemical, Fluor Corporation อีกด้วย จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐ
นอกจากนี้ APEC CEO Summit 2013 ได้เชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษซึ่งจัดเป็นการเฉพาะสำหรับผู้นำ โดยจะมีผู้บริหารระดับสูงสุดของธุรกิจชั้นนำในภูมิภาคเข้าร่วม จึงเป็นโอกาสดีที่นายกรัฐมนตรีจะประชาสัมพันธ์นโยบายรัฐบาลที่สำคัญ รวมทั้งเชิญชวนให้ภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในโครงการ 2 ล้านล้านบาทของไทยด้วย