เงินบาทปิด 31.13/15 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านร่างกม.งบประมาณฯ

เงินบาทวันนี้ยังคงแข็งค่าขึ้นจากในช่วงเช้า ระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.11/13 บาท/ดอลลาร์ เป็นผลจากสภาคองเกรสของสหรัฐไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราวภายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่จะเริ่มปีงบประมาณใหม่ จึงทำให้ต้องมีการปิดหน่วยงานภาครัฐบางส่วน

การปิดหน่วยงานรัฐบาลดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2539 หรือในรอบ 17 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณของประธานาธิบดีบารัค โอบามาและจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก

"นักลงทุนมองว่า จากปัญหาต่างๆ ของสหรัฐฯ จึงอาจจะทำให้สหรัฐฯ ยังคงต้องใช้มาตรการ QE อยู่ต่อไป จึงทำให้ major currency แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ บาทเราจึงแข็งค่าตามไปด้วย" นักบริหารเงิน กล่าว

พร้อมมองว่า ยังคาดการณ์แนวโน้มเงินบาทพรุ่งนี้ได้ลำบาก เพราะไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะมีคอมเมนท์จากหลายฝ่ายออกมา ที่จะทำให้นักลงทุนมีมุมมองไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้

• ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.84/86 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.84/86 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3543/45 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3494/3496 ดอลลาร์/ยูโร
• ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,408.19 จุด เพิ่มขึ้น 25.03 จุด, +1.81%
• สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 398.93 ลบ.(SET+MAI)
• นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.56 เพิ่มขึ้น 1.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 2.36% แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวดังกล่าวทำให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อในปีนี้ลงเหลือ 2.1-2.6% จากเดิม 2.8-3.4%
• นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) กล่าวในงาน"สัมมนาเชิงวิชาการ เคล็ด(ไม่)ลับ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ปี 57"ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ(GDP)ของไทยในปี 57 น่าจะเติบโตได้ในระดับ 4.8% เนื่องจากจะมีโครงการลงทุนจากภาครัฐทั้งในโครงสร้างพื้นฐานและโครงการบริหารจัดการน้ำ จากปีนี้ที่ GDP อาจจะเติบโตได้เพียง 4% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ เพราะโครงการลงทุนภาครัฐล่าช้าออกไป
• รัฐบาลสหรัฐต้องปิดดำเนินงานหน่วยงานราชการบางส่วนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของปีงบประมาณ 2557 เนื่องจากสภาคองเกรสไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราวภายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่จะเริ่มปีงบประมาณใหม่

การปิดหน่วยงานรัฐบาลดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2539 หรือในรอบ 17 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณของประธานาธิบดีบารัค โอบามาและจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก

• สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เผยอัตราว่างงานเดือน ส.ค.ในยูโรโซนทรงตัวที่ 12.0% จากเดือน ก.ค.ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเริ่มมีเสถียรภาพหลังเผชิญกับภาวะถดถอย โดยจำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนที่มีสมาชิก 17 ประเทศ ลดลงราว 5,000 คน มาอยู่ที่ 19.178 ล้านคนในเดือน ส.ค.จาก 19.183 ล้านคนในเดือน ก.ค. ส่วนอัตราว่างงานในสหภาพยุโรป(อียู) ที่มีสมาชิก 28 ประเทศ ก็ทรงตัวในเดือน ส.ค.ที่ 10.9%
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือน ก.ย.ลดลงสู่ระดับ 51.1 จาก 51.4 ในเดือน ส.ค.แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับการประเมินเบื้องต้น ภาคการผลิตโดยทั่วไปของยูโรโซนยังคงมีการฟื้นตัว โดยผลผลิตในประเทศส่วนใหญ่ ยกเว้นฝรั่งเศสและกรีซ ยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดในภูมิภาคมีเสถียรภาพและอุปสงค์จากต่างประเทศยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
• สำนักงานแรงงานของเยอรมนี เผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 25,000 ราย หลังจากที่เพิ่มขึ้น 9,000 รายในเดือน ส.ค. ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 6.9% จาก 6.8% ในเดือน ส.ค. ส่งผลให้เยอรมนีมีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 2.975 ล้านคนในเดือน ก.ย.
• คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 6 ล้านล้านเยน เพื่อรับมือกับแผนการขึ้นภาษีการขายในปีหน้า
• ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือนในวันนี้ ภายหลังการประมูลพันธบัตรระยะยาวสิ้นสุดลงอย่างราบรื่น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 330 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.655% ลดลง 0.025% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ขณะที่ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.11 จุด แตะที่ 144.23 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
• สมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดขายรถยนต์ใหม่ของญี่ปุ่น ไม่รวมรถยนต์ขนาดเล็ก ปรับตัวขึ้น 12.4% จากปีก่อน สู่ระดับ 324,315 คัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
• ธนาคารกลางอินเดีย เผยยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดียขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย.เมื่อเทียบกับ 1.81 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้า
• ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ เผยในปีงบประมาณ 2555 ฟิลิปปินส์ได้รับเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าประเทศอย่างมั่นคงมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันมาสนใจตลาดเกิดใหม่อย่างฟิลิปปินส์ แต่สถานการณ์การลงทุนจากต่างประเทศในฟิลิปปินส์ปีนี้ ยังคงอยู่ในระดับต่ำ