นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการพูดคุยในหลากหลายมิติ ไม่ว่าเรื่องความปลอดภัย สุขอนามัย ความต้องการของนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะมีการจัดทำภาพยนตร์ที่ผูกโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย รวมถึงการดูแลแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่จะต้องรักษาคุณภาพ รวมถึงการปรับปรุงห้องพักให้ได้คุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว
ส่วนกรณีการเพิ่มวันหยุด 30 ธ.ค. 56 เป็นวันหยุดยาวช่วงปีใหม่นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ตามปกติในแต่ละปีจะมีการกำหนดปฏิทินวันหยุดประจำปีไว้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้คณะรัฐมนตรี(ครม.)สามารถพิจารณาปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะเพิ่มเป็นวันหยุดอีก 1 วัน ในส่วนสถาบันการเงินแม้จะมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว แต่เชื่อว่าสามารถปรับเปลี่ยนได้
ขณะที่การลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นชอปปิ้งพาราไดซ์นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณาทั้งระบบ ถ้าเป็นสินค้าแบรนด์เนมต้องเป็นสินค้าที่คนไทยนิยมหาซื้อในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันภาษีส่วนใหญ่ปรับลดลงมาเกือบ 0% แล้ว มีแต่เสื้อผ้าและกระเป๋าหนัง การจะปรับลดภาษีจะดูให้รอบคอบ และพิจารณาสินค้าในรอบด้าน
ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าเพิ่มนักท่องเที่ยวระดับบนให้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% และเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่ม NICHE เช่น ECO 4.5% GOLF 2% Honeymoon 5% Health 2% พร้อมเตรียมเจาะตลาดใหม่ เช่น ยุโรปตะวันออก อาฟริกา ละตินอเมริกา แคนาดา ไอร์แลนด์ ตุรกี คูเวต กาต้าร์ บาห์เรน แทนตลาดเดิมที่คาดว่าจะลดลง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานท่องเที่ยวจัดทำตัวชี้วัดการท่องเที่ยว ทำปฏิทินท่องเที่ยว วิเคราะห์ศักยภาพและขนาดของตลาดนักท่องเที่ยว