(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.22/24 ปรับตัวแข็งค่าตามภูมิภาคหลังดอลล์อ่อน

"เงินบาทปรับตัวแข็งค่าตามภูมิภาคจากข่าวดีสำหรับยูโรเกี่ยวกับแผนออกบอนด์ระยะกลางและยาวมูลค่า 9 พันล้านยูโรที่จะขายให้หมดภายในปีนี้ ส่งผลให้ยูโรแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับดอลลาร์ซ้ำเข้าไปอีก นอกจากเรื่อง Government Shutdown"นักบริหารเงิน กล่าว

ปัจจัยที่นักลงทุนจับตามองเป็นเรื่องความคืบหน้าในการแก้ปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐเป็นสำคัญ เพราะถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วง 1-2 เดือนจะออกมาดี แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 31.10-31.25 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 31.2120 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.46338% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.45589%

• ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.64 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.48/50 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3590 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3528 ดอลลาร์/ยูโร
• อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.3030 บาท/ดอลลาร์
• ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ก.ย.56 อยู่ที่ 77.9 ลดลงจาก 79.3 ในเดือน ส.ค.56 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 69.5, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 70.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 95.1 โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับลดลงทุกรายการเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือนนับตั้งแต่ ต.ค.55
• สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงพุ่งขึ้น 240 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,220 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือราคาเทียบเท่ากับ 1,323.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ดีดขึ้น 25.99 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
• ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเข้าพบผู้นำในรัฐสภาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส จนนำไปสู่การปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลาง และจนถึงขณะนี้การเจรจาในสภาคองเกรสก็แทบจะไม่มีความคืบหน้า หลังการประชุมลับในทำเนียบขาว นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ปธน.โอบามาปฏิเสธการเจรจาและรัฐสภายังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
• ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่สหรัฐต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังสภาคองเกรสยังไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราว ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความกังวลว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริงต่อชาวอเมริกัน

ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้นแค่ 0.1% แตะ 138.78 จุด เมื่อเวลา 9.57 น.ตามเวลาโตเกียว, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,140.11 จุด ลดลง 30.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,167.20 จุด เพิ่มขึ้น 182.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,231.68 จุด เพิ่มขึ้น 15.16 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,147.32 จุด ลดลง 5.26 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,355.09 จุด ลดลง 7.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,770.02 จุด ลดลง 0.33 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,219.80 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด

• สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน(CFLP) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการของจีนในเดือน ก.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.4 จาก 53.9 ในเดือน ส.ค. การที่ดัชนี PMI เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ถึงการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า
• นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เผยประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวย้ำในที่ประชุมผู้นำรัฐสภาว่า จะไม่เจรจาในประเด็นงบประมาณและเรื่องการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้านการคลัง
• ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลการจ้างงานและกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,133.14 จุด ลดลง 58.56 จุด หรือ -0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,693.87 จุด ลดลง 1.13 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,815.02 จุด ลดลง 2.96 จุด หรือ -0.08%
• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน พ.ย.ปรับตัวลง 52 เซนต์ แตะที่ 103.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ถึง 2 เท่า โดยเพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 363.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล แตะที่ 219.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 89% ลดลง 1.3% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.7%
• สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐยังได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.พุ่งขึ้น 34.6 ดอลลาร์ หรือ 2.69% ปิดที่ 1,320.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 72.2 เซนต์ ปิดที่ 21.897 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 8.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1393.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 721.20 ดอลลาร์/ออนซ์
• สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.39 เยน จากระดับของอังคารที่ 97.85 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9028 เยน จากระดับ 0.9058 เยน ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3581 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3530 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6221 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6197 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.9385 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9388 ดอลลาร์สหรัฐ
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ ขณะที่การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐได้ดำเนินการมาถึงวันที่ 2 แล้ว โดยยังไม่มีทีท่าว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณฉุกเฉิน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 310.79 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ปีนี้, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,629.42 จุด ลดลง 59.72 จุด หรือ -0.69%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,158.16 จุด ลดลง 38.44 จุด หรือ -0.92%, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,437.50 จุด ลดลง 22.51 จุด หรือ -0.35%