สินค้าส่งออกหลักที่ส่งไปสหรัฐ คือ คอมพิวเตอร์ ยาง เครื่องประดับ อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม
"กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยน่าจะได้รับผลกระทบมากสุด นอกจากนี้หากเหตุการณ์ยืดเยื้อผลกระทบจะไม่หยุดแค่เศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่อาจลุกลามส่งผลให้เศรษฐกิจโลกกลับไปชะลอตัวอีกครั้งซึ่งไทยคงต้องจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด"นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า แม้ว่าครั้งนี้การพิจารณาอนุมัติปรับเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐจะไม่ง่ายนัก เพราะปัจจุบันการปรับเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่ที่ 16.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับ GDP ของสหรัฐในปี 55 ที่ 15.68 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งพรรครีพับลิกันมองว่านโยบายประกันสุขภาพ(Obamacare)เป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้ประเทศ โดยในช่วงการบริหารประเทศของประธานาธิบดีบารัค โอบามา 5 ปีที่ผ่านมาได้มีการปรับเพดานหนี้สาธารณะมาแล้วถึง 5 ครั้ง แต่มองว่าสภาคองเกรสมีโอกาสสูงที่จะอนุมัติการปรับเพดานหนี้สาธารณะ(Debt Ceiling)เพราะถ้าไม่อนุมัติจะเกิดผลกระทบให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ นำไปสู่การที่สหรัฐจะถูกปรับลดความน่าเชื่อถือ และกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐลุกลามกลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจโลก
ในส่วนของการที่พรรครีพับลิกันไม่เห็นชอบการผ่านงบประมาณคลังปี 2557 ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐฯ ที่ไม่ได้มีความสำคัญเร่งด่วนต้องปิดทำการลงหรือ“Government Shutdown"เป็นผลให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกว่า 8 แสนคน ต้องถูกพักงาน ส่งผลกระทบต่อการบริโภคโดยรวมของสหรัฐฯ การไม่ผ่านงบประมาณคลังครั้งนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 17 ปี อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้เป็นการไม่ผ่านงบประมาณคลัง(Government Shutdown)ครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 18 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน ครั้งนั้นเกิดขึ้นเป็นเวลา 21 วันสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจสหรัฐไม่ต่ำกว่าแสนล้านเหรียญหรือประมาณ 1%ของจีดีพี
"ในครั้งนี้ผมมองว่าอย่างไรเสียสภาคองเกรสก็ต้องผ่านงบประมาณ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ผ่านงบประมาณคลัง (Government Shutdown)ตลอดไป แต่ถ้ายิ่งยืดเยื้อก็ยิ่งเกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อยาวนานประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็เป็นไปได้ว่าจะกระทบต่อ GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปี ให้หายไปประมาณ 1.2-1.4%" ผอ.สศอ. กล่าว