เนื่องจากในแต่ละปีมีมูลค่าการซื้อขายทองคำในประเทศไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนการนำเข้าที่มีมูลค่าเพียง 300,000 ล้านบาท ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงต้องการป้องปรามไม่ให้เกิดการฉ้อโกงกันในอนาคตระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเหมือนกับประเทศอื่น เช่น อินเดียจนเกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ
"ภาพรวมการซื้อขายทองคำทั้งทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อการซื้อขายทองผูกติดกับตลาดต่างประเทศ ก็จะเกิดความผันผวนในเรื่องราคาได้ง่าย ดังนั้นเพื่อให้เกิดมาตรฐานดูแลการซื้อขาย กระทรวงฯ จะนำประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมของผู้ค้าทอง ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 52 มาประกาศใช้เพื่อดูแลภาคธุรกิจค้าทองทั้งระบบ" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ปัจจุบันมีร้านค้าทองคำและผู้ค้าทองผ่านระบบออนไลน์จำนวน 7,500 ราย แต่มีการจดทะเบียบกับสมาคมค้าทองคำไว้เพียง 900 ราย ซึ่งการกำหนดให้จดทะเบียนกับกรมการค้าภายในนั้น จะทำให้ผู้ที่ขึ้นทะเบียนต้องปฏิบัติตามประกาศของกกร.อย่างเคร่งครัด โดยจะต้องแจ้งการปรับราคาทองคำขึ้น-ลงกับกรมฯ แสดงค่ากำเหน็ดของทองรูปพรรณที่จำหน่าย และผู้ประกอบธุรกิจค้าทองจะต้องจำแนกบัญชีค้าทอง ทั้งบัญชีค้าทองส่วนตัว และบัญชีค้าทองทางธุรกิจ เพื่อให้สามารถตรวจสอบสต๊อกได้
ขณะเดียวกัน ธปท.อยู่ระหว่างจัดระเบียบการค้าทอง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจค้าทองเหมือนกับการทำธุรกิจภาคการเงิน คาดว่ารูปแบบการกำกับดูแลน่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในเร็วๆ นี้