วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ บวกลบเพียง 3 สตางค์ เนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาควันนี้ปิดทำการ เช่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ในขณะที่ตลาดยังรอดูผลการเจรจาเรื่องขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และส่วนใหญ่เชื่อว่าน่าจะมีข้อสรุปออกมาในทิศทางที่ดี
"วันนี้บาทแกว่งแคบๆ บวกลบแค่ 3 สตางค์ วันนี้หลายตลาดปิดกัน ส่วนปัจจัยสหรัฐฯ ก็ยังไม่นิ่ง แต่ส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่าน่าจะจบด้วยดี" นักบริหารเงิน กล่าว พร้อมคาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับวันนี้
- ปัจจัยสำคัญ
- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.27/30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 98.29/30 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.3558/3560 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.3561/3562 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,459.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด, +0.14%
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 950.07 ลบ.(SET+MAI)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันพุธนี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ตามเดิมท่ามกลางโมเมนตัมของเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแรง แม้ว่าภาคการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความชัดเจนมาก แต่อัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวอยู่ระดับต่ำ และยังไม่เป็นประเด็นที่ต้องกังวลในระยะข้างหน้า ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้ทางการสามารถประคองแรงส่งการผ่อนคลายนโยบายการเงินได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีช่องว่างเพียงพอที่จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม
- กระทรวงพาณิชย์เตรียมให้ร้านค้าทองคำทั่วประเทศขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้าทองคำกับกรมการค้าภายใน เพื่อให้รัฐบาลสามารถติดตามการซื้อขายทองคำทั้งระบบได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการซื้อขายเก็งกำไรในระบบออนไลน์(โกลด์ ออนไลน์) รวมทั้งการซื้อขายทองในรูปของตั๋วสัญญา แทนส่งมอบทองคำกันจริงๆ
- ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ได้ดำเนินความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาทางเลี่ยงภาวะผิดนัดชำระหนี้ โดยทั้ง 2 พรรคได้มีการหารือกันเมื่อวันอาทิตย์เพื่อจะบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณ
ทั้งนี้ การหารือของผู้นำในวุฒิสภาดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐฯ ผ่านไปแล้ว 13 วัน โดยเหลือเวลาอีกเพียง 4 วันก่อนที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 17 ต.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่กระทรวงการคลังสหรัฐประเมินว่ารัฐบาลกลางสหรัฐจะมีเงินพอที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ
- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับลดลง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 อ่อนตัว 0.3% แตะ 310.75 เมื่อเวลา 08.08 น. ตามเวลาลอนดอน ขณะที่สหรัฐฯ ยังหาทางออกเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ไม่ได้ รวมทั้งยอดการส่งออกของจีนที่อ่อนตัวลงสวนทางคาดการณ์
- ธนาคารกลางสิงคโปร์(MAS) ระบุว่า จะยังคงดำเนินนโยบายเพื่อให้ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าเล็กน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะขยายตัวในช่วงที่เหลือของปี 56 จนถึงปี 57 แม้อัตราการขยายตัวมีแนวโน้มที่จะผันผวนอยู่บ้าง ขณะที่มีความไม่แน่อนในระยะใกล้ในต่างประเทศ และ MAS กำลังจับตาดูความคืบหน้าทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด
- สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป(ยูโรแสตท) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนปรับตัวขึ้น 1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่ร่วงลง 1% ในเดือนก.ค. ซึ่งช่วยเพิ่มความหวังว่าภาคอุตสาหกรรมจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจในภูมิภาคขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
-ธนาคารกลางจีน ออกแถลงการณ์ระบุว่ายอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ แตะที่ 7.28 ล้านล้านหยวน (1.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5.57 แสนล้านหยวนจากปีก่อนหน้า โดยยอดปล่อยกู้ดังกล่าวถือว่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ รองจากช่วงเดียวกันของปี 52 ที่มียอดปล่อยกู้อยู่ที่ 8.67 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดปล่อยกู้ใหม่ในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 7.87 แสนล้านหยวน มากกว่าปีก่อนหน้าอยู่ 1.644 แสนล้านหยวน