"ประเทศที่พังมานักต่อนักที่ใช้กลไกลรัฐ เช่น พม่า เวียดนาม ซึ่งเขาก็กลับมาใช้กลไกตลาด เพราะมันไม่เข้าใครออกใคร รัฐไม่ควรเข้ามายุ่งหรือแทรกแซงเลย เพราะมันดีอยู่แล้ว เราเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ มองว่าควรแข่งขันกัน ต้นทุนการผลิตข้าวโดยเฉลี่ย 5-6 พันบาท และถ้าขายได้ก็ประมาณ 10,000 บาท ก็ถือว่ามีผลกำไรพอสมควร"นายวิชัย กล่าวในงานสัมมนา "มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต"
พร้อมมองว่า แม้ไทยได้ปรับลดราคาขายข้าวลงใกล้เคียงกับตลาดโลก โดยลงมาอยู่ที่ 400 เหรียญ/ตันแล้ว แต่ผู้ซื้อกลับยังไม่มี ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรเข้าไปแทรกแซงราคา แต่ควรเข้าไปพัฒนาระบบการเพาะปลูก การลดต้นทุนให้เกษตรกร เช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยให้ดีขึ้น มีระบบชลประทานที่ดี และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีขึ้น
นายวิชัย เห็นว่า ไม่ควรจะดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวอีกต่อไป เนื่องจากไทยมีการส่งออกข้าวได้ 150,000 ล้านบาท แต่กลับขาดทุนเกิน 250,000 ล้านบาท ดังนั้นมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำต่อ เพราะจะยิ่งส่งผลให้ข้าวที่อยู่ในสต็อกเกิดความเสียหาย
"ของเราทำมา 2 ปี ปีแรกลดลงไป 32% คนขายได้กำไร 4-5 หมื่นล้านบาท จากการขายข้าวที่น้อยลง และปีนี้ก็ต่ออีก ยิ่งทำยิ่งพังขายข้าวได้น้อยลงไปอีก มันเป็นเรื่องที่ทำต่อไม่ได้" นายวิชัย กล่าว