ทั้งนี้ หากรวมทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร คาดว่าปีนี้จะมีโครงการที่เปิดใหม่ทั้งหมด 1.1-1.2 แสนยูนิต คิดเป็นการเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อน โดยปีนี้มีการเร่งเปิดโครงการคอนโดมิเนียมค่อนข้างมากจากปัจจัยเร่งคือราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้น
สำหรับปริมาณโครงการใหม่ในปีนี้ยังเป็นไปตามความต้องการซื้อที่สอดรับกัน เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ประชาชนที่มีความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้น และมีความนิยมที่จะซื้อบ้านหลังที่สองมากขึ้น จึงมองว่าความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันจะยังรองรับกับโครงการใหม่ๆที่เกิดขึ้นในปีนี้ได้หากจำนวนไม่เกิน 1.2 แสนยูนิต
ส่วนแนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์ปี 57 คาดว่าจะมีการปรับขึ้นราว 5-10% ตามราคาวัสดุก่อสร้างและราคาที่ดินที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ 2 ล้านล้านบาทเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบทำให้แรงงานขาดแคลนมากขึ้น ในขณะเดียวกันอาจเกิดภาวะการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างตามมาด้วย ก็อาจทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกกระทบต่อต้นทุน จึงมีแนวโน้มปรับราคาขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นได้อีก
นายสัมมา กล่าวต่อว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะขยายไปทางปริมณฑลฝั่งเหนือมากขึ้น จากที่ปัจจุบันที่ดินในกรุงเทพฯราคาค่อนข้างสูงมากแล้ว และมีพื้นที่ขยายค่อนข้างจำกัด รวมถึงการแข่งขันมีแนวโน้มค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกันพื้นที่ปริมณฑลฝั่งเหนือมีความต้องการที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก รวมทั้งโครงการในต่างจังหวัดก็มีแนวโน้มขยายตัวในจังหวัดรองมากขึ้น เช่น เชียงราย อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี
ด้านแนวโน้มสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะมีการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด 4.7 แสนล้านบาท จากปีก่อน 4.6 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์แล้วประมาณ 2.5 แสนล้านบาท แต่มองว่าช่วงครึ่งปีหลังอาจจะชะลอตัวลงบ้าง ส่วนในปี 57 การปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการอาจจะชะลอตัวลงบ้างตามภาพรวมธุรกิจ เนื่องจากราคาวัสดุที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับอาจจะมีการแย่งชิงแรงงาน ทำให้ผู้ประกอบการเปิดตัวโครงการน้อยลงด้วย