(เพิ่มเติม) ครม.ศก.เชื่อหากปัญหาสหรัฐยังไร้ทางออกภายใน พ.ย.จะกระทบโดยตรงต่อไทยไม่มาก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 16, 2013 14:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเช้านี้หารือถึงปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐทั้งเรื่องงบประมาณและการขยายเพดานหนี้ โดยเชื่อว่าหากภายในเดือน พ.ย.56 สหรัฐยังไม่สามารถหาข้อยุติในการแก้ปัญหาได้ คงจะมีผลกระทบโดยตรงต่อไทยไม่มากเท่ากับประเทศที่เป็นเจ้าหนี้อย่างจีนและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และกระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการที่จะรองรับผลกระทบไว้แล้ว

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีการขยายเพดานหนี้ที่จะครบกำหนดในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งในภาพรวมนั้น ที่ประชุมฯ มองว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะไทยเป็นเพียงเจ้าหนี้รายเล็ก ซึ่งแตกต่างจากเจ้าหนี้รายใหญ่ เช่น จีน และญี่ปุ่นที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในจำนวนมาก

แต่ทั้งนี้ เชื่อว่าภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ สหรัฐฯ จะสามารถชำระหนี้ราว 6 พันล้านดอลลาร์ได้ เพียงแต่ยังกังวลว่ากลางเดือนหน้า ซึ่งจะครบกำหนดต้องชำระหนี้อีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น อาจจะมีปัญหาได้ อย่างไรก็ดี ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อเตรียมมาตรการรองรับวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัญหาของสหรัฐฯ โดยถือว่าในขณะนี้มีมาตรการเตรียมไว้รองรับแล้ว

ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยยังมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมาก เนื่องจากประเทศไทยถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพียง 0.78% จากจำนวนทั้งหมด 5.59 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเชื่อว่าไทยยังสามารถบริหารความเสี่ยงในส่วนนี้ได้ ประกอบกับช่วงนี้เริ่มมีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดถึง 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังต้องจับตาดูการเคลื่อนย้ายเงินทุน อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลัง และ กนง.ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะออกมาตรการเพื่อมาดูแลในส่วนนี้

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะติดตามการประชุมของรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นวันครบกำหนดเส้นตายว่าจะมีการขยายเพดานหนี้เพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อจะได้พิจารณาว่าในส่วนของประเทศไทย จำเป็นต้องมีการนำมาตรการใดออกมาใช้เพื่อลดผลกระทบจากกรณีดังกล่าวหรือไม่

นายธีรัตถ์ กล่าวด้วยว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้ประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยว่า ทั้งปีนี้ สศช.ยังคงอัตราการเติบโตไว้ที่ 3.8-4.3% และคาดว่าไตรมาส 3/56 เศรษฐกิจไทยจะโตได้อย่างน้อย 3% เนื่องจากช่วง 2 เดือนแรก(ก.ค.-ส.ค.)ของไตรมาส 3/56 การส่งออกขยายตัวได้ขึ้น

นอกจากนี้ สศช.ยังรายงานด้วยว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยล่าสุดสำหรับปี 57 จะโตได้ 5.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะโตได้เพียง 4.2% เนื่องจาก IMF มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 57 จะได้รับการกระตุ้นจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ