ส่วนเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯคาดว่ามีโอกาสที่จะได้ข้อสรุปได้ทันหรืออาจมีการยืดระยะเวลาออกไปเล็กน้อย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้มีโอกาสปรับตัวลดลงได้ในปีนี้
"วิกฤตที่เลวร้ายที่สุดของการขยายเพดานหนี้มีโอกาสแค่ 5% เท่านั้น ถ้าเกิดวิกฤตขึ้นจริงจะเป็นปัจจัยบวกให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่มองว่าสถานการณ์นียังไงคงจะได้ข้อสรุป ซึ่งจะกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง การปรับขึ้นนั้นคงยาก"น.พ.กฤชรัตน์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ด้านการลงทุนทองคำ แนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้นและไม่ควรถือยาว เพราะการซื้อขายทองคำในปัจจุบันมีลักษณะการลงทุนมากกว่าการออม นักลงทุนควรจับจังหวะซื้อขายในระยะสั้น ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่ดี 10-20% แต่ถ้านักลงทุนสนใจการลงทุนทองคำในระยะยาว มองว่าควรถือครองทองคำมากกว่า 3 ปีขึ้นไป เพราะในระยะ 2-3 ปี ราคาทองคำยังมีโอกาสสร้างฐานอยู่ที่บริเวณ 1,100-1,300 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ยังเห็นด้วยกับการจัดตั้ง Gold Exchange ขึ้นมาในประเทศไทย เพราะจะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้วงการทองคำมีการพัฒนาเทียบเท่าตลาดทองคำในต่างประเทศได้ ซึ่งอาจจะให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกัน โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในอีก 1 เดือนข้างหน้า
“เรื่องของ Gold Exchange ในรายละเอียดเรายังต้องคุยกันอีกหลายๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราอยากจัดตั้งเพราะจะได้เป็นศูนย์กลางทองคำที่เทียบเท่ากับตลาดในต่างประเทศ และช่วยพัฒนาศักยภาพของวงการทองคำ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น"น.พ.กฤชรัตน์ กล่าว