สำหรับการประมูลข้าวของรัฐผ่าน AFET นั้นเป็นนโยบายสำคัญที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ และนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กำหนดขึ้นจากความต้องการของทุกฝ่ายที่อยากให้มีการระบายผ่านกลไกตลาดเสรีและโปร่งใส และเน้นคัดเลือกข้าวที่มีคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของผู้ค้าข้าว เพื่อยกระดับราคาข้าวของประเทศ และสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่าย
โดยข้าวที่จะประมูลในครั้งแรกนี้มีจำนวนรวม 140,443.790 ตัน แบ่งเป็น ข้าวขาว 5% จำนวน 109,775.065 ตัน จากคลังในจังหวัดนครสวรรค์ สุพรรณบุรี ชัยนาท และสระบุรี และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 จำนวน 30,668.725 ตัน จากคลังในจังหวัดอุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ โดยกำหนดการรับมอบข้าวเป็น 3 ล็อต เริ่มล็อตแรกในเดือน ธ.ค.56 ส่วนล็อตสองและสามในเดือน.ค.และ ก.พ.57 ตามลำดับ เพื่อให้ผู้ค้าข้าวที่เข้าประมูลวางแผนการค้าข้าวได้อย่างเหมาะสม โดยจะเปิดคลังสินค้าให้ผู้ประกอบการข้าวทั่วไปได้เข้าตรวจสอบคุณภาพหรือดูสภาพข้าวสาร ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 22 ต.ค.นี้ และเปิดยื่นซองเสนอส่วนต่างราคา(Basis) ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ณ กระทรวงพาณิชย์
นายศักดิ์ดา กล่าวอีกว่า การประมูลผ่านตลาด AFET นั้น คัดข้าวคุณภาพดีจากคลังมาตรฐานในแหล่งข้าวที่เป็นที่น่าเชื่อถือในคุณภาพและยังแบ่งเป็นกองย่อยไม่เกิน 2,000 ตัน(20,000 กระสอบ) ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ค้าข้าวทุกระดับทั้งรายกลางรายเล็กสามารถเข้าประมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน
"AFET คาดว่าจะมีผู้ประกอบการค้าข้าวให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลอย่างมาก ซึ่งการประมูลข้าวของรัฐบาลผ่าน AFET หากดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้กลไกตลาดทำงานได้อย่างเป็นระบบและมีความสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การบริหารจัดการค้าข้าวของผู้ประกอบการ และรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายศักดิ์ดา กล่าว