"ขณะนี้นักลงทุนยังมองว่ายังมีความเสี่ยงจกการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐที่ไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อออกไปอีกหรือไม่หลังจาก 7 ก.พ.57 พร้อมกันนั้นปัญหาสหรัฐก็กลายเป็นประเด็นการเมือง และจะสร้างความผันผวนต่อตลาดเงินช่วงต่อจากนี้แน่นอน"นางผ่องเพ็ญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธปท.จะเข้าไปคอยดูแลความผันผวนของตลาดเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะไม่เคลื่อนไหว เพราะยอมรับว่าขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลกเคลื่อนไหวอย่างหวือหวามากขึ้น โดยที่ผ่านมาบางช่วงเงินบาทมีค่าความผันผวนมากกว่า 10% แม้ขณะนี้ลงมาอยู่ที่ 7-8% แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะหวือหวาได้อีก ดังนั้น ในแง่ของทุนสำรองระหว่างประเทศยังมีความสำคัญที่ต้องเพียงพอในการดูแลตามผันผวนให้อยู่ในระดับที่ภาคธุรกิจไทยยอมรับได้
"เงินทุนเคลื่อนย้ายที่ผันผวน ส่วนหนึ่งอาจมาจากนักลงทุนระยะสั้นเข้าเร็วออกเร็วทำให้มีความผันผวน เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่มีการทำนิวไฮทุกประเทศ การเปลี่ยนแปลงของอัราแลกเปลี่ยนจึงหวือหวา นักลงทุนต้องระมัดระวัง และมองว่าจะหวือหวาต่อไปจนกว่านโยบายสหรัฐจะชัดเจน"นางผ่องเพ็ญ กล่าว
นอกจากนั้น ธปท.จะยังสนับสนุนให้มีการนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ หลังจากช่วง 8 เดือนแรกมีเงินที่ออกไปลงทุน 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดีวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7.8 พันล้านเหรียญ และทั้งปี 55 อยู่ที่ 12.7 พันล้านเหรียญ และยังน้อยกว่าเงินลงทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามา แม้จะประเมินว่าทิศทางลงทุนจะเงินไหลออกมากขึ้น แต่หากเงินที่ออกไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นก็จะช่วยสร้างสมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะต่อไป
ขณะนี้กระทรวงการคลังเองก็อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการใช้มาตรการภาษีเข้ามาสนับสนุนการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะการลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)จะมีข้อสรุปในเร็ว ๆนี้ ขณะที่แนวโน้มการไปลงทุนต่างประเทศมีมากขึ้นในช่วงเตรียมพร้อมรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยเฉพาะในพม่าและอินโดฯ เพราะมีแรงงงานถูกกว่า