นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 31.15/16 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.13/14 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ และการซื้อขายทองคำที่เมื่อคืนปรับตัวขึ้นไปเกือบ 100 ดอลลาร์ฮ่องกง/ออนซ์
"วันนี้เงินบาทน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตาม flow ต่อเนื่องจากเย็นวานนี้" นักบริหาเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ในกรอบระหว่าง 31.05-31.15 บาท/ดอลลาร์
"คงขยับไม่เยอะ และอยู่ในทิศทางขาลงมากกว่า" นักบริหารเงิน กล่าว
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.29 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.40 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3795 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3805 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 31.1580 บาท/ดอลลาร์
- มูดี้ส์หวั่นหนี้ภาคครัวเรือนพุ่งบวกราคาอสังหาริมทรัพย์ขึ้น ก่อความเสี่ยงภาคธนาคารไทย แต่ประเมินแนวโน้มแบงก์ทั้งระบบยังมีเสถียรภาพ เหตุอยู่ในสถานะดีมีเงินทุนแข็งแกร่งกันสำรองเพิ่ม สามารถรับมือความท้าทายด้านคุณภาพสินทรัพย์ขณะที่อัตราโตของสินเชื่อลดช่วยให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากดีขึ้น
- สมาคมค้าทองคำตั้งคณะอนุกรรมการ 9 ราย ร่างข้อบังคับควบคุมดูแลโกลด์ ออนไลน์ คาดได้ข้อสรุปและรายละเอียดของหลักเกณฑ์ภายในสิ้นเดือนต.ค.เพื่อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา รวมทั้งศึกษา โกลด์เอ็กเชนจ์ แต่มองผู้ประกอบการไทย ยังไม่พร้อม ขณะที่ล่าสุดแบงก์ชาติขอเลิกนัดหารือกับสมาชิกในวันที่ 24 ต.ค.56 แจงเหตุผู้ว่าติดภารกิจด่วน
- ธปท.พร้อมรับมือเงินทุนไหลออกเพิ่ม ผลพวงสหรัฐยืดเวลาขยายเพดานหนี้ คาดส่งผลกระทบทำให้ตลาดการเงินผันผวน ย้ำยังไม่เห็นด้วยที่จะตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ "นิวัฒน์ธำรง" นัดถกเอกชนต้นเดือน พ.ย.ดันส่งออกโตยั่งยืน ยังลุ้นปีนี้ขยายตัว 4%
- "แบงก์ชาติ" ยันช่วงนี้ไม่เหมาะที่จะพูดถึงการแบ่งเงินทุนสำรองประเทศมาจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ระบุควรเตรียมกระสุนดูแลเสถียรภาพการเงินหลังมองปัจจัยสหรัฐฯยังคงทำตลาดผันผวน มากกว่าจะมาเพิ่มความเสี่ยง
- China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนดีดตัวขึ้น 0.02% แตะที่ 6.1333 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้
- นายวิลเลียม เมอร์เรย์ โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ระบุแม้มีข้อตกลงระยะสั้นเพื่อจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลกลางและเพิ่มเพดานหนี้ แต่สหรัฐควรให้ความสำคัญกับการจัดการความท้าทายทางการคลังในระยะกลาง
- รัฐบาลญี่ปุ่น เผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือน ก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยดัชนี S&P 500 ปิดที่เหนือระดับ 1,750 จุดเพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนสหรัฐ และภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดของจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากตัวเลขจ้างงานซบเซาลง ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,509.21 จุด เพิ่มขึ้น 95.88 จุด, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,752.07 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด, ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,928.96 จุด เพิ่มขึ้น 21.89 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,275.69 จุด เพิ่มขึ้น 15.03 จุด, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,980.63 จุด เพิ่มขึ้น 60.77 จุด, ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,713.18 จุด เพิ่มขึ้น 38.70 จุด
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าภาคการผลิตเดือน ต.ค.ของจีนขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.พุ่งขึ้น 16.3 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,350.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ปีนี้ ส่วนสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 20.5 เซนต์ ปิดที่ 22.822 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ม.ค.พุ่งขึ้น 16.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1456.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 747.80 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้เพราะได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีภาคการผลิตของจีนที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 97.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 81 ปิดที่ 106.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนของสหรัฐทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะเลื่อนเวลาการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3802 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3780 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.6205 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6172 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.9613 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9619 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.33 เยน จากระดับ 97.32 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8921 ฟรังค์ จากระดับ 0.8920 ฟรังค์