พร้อมกันนี้ จะเน้นผลักดันการส่งออกสินค้าเจาะลูกค้าเป็นรายกลุ่ม หรือสินค้าที่เป็นเทรนด์ใหม่ของโลก เช่น สินค้าสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ, กลุ่มฮิสแปนิก(เชื้อสายสเปน)ในสหรัฐฯ, กลุ่มลูกค้าสถาบัน เช่น โรงแรม, เรือสำราญ, สถาบันการศึกษา, เรือนจำ, ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ กลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เสื้อผ้า และอาหาร ที่มีลักษณะพิเศษ เป็นต้น
โดยมองว่าสินค้าเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีโอกาสในการส่งออกสูง ขณะเดียวกันจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดแบบออนไลน์ให้มากขึ้น รวมทั้งผลักดันการส่งออกบริการใหม่ๆ เช่น ดิจิตอลคอนเท็นต์ หรือธุรกิจบันเทิง ได้แก่ ซอฟต์แวร์ เกมส์ แอนิเมชั่น เพลง ละคร ภาพยนตร์ รวมถึงบริการจัดงานต่างๆ อย่างงานอีเว้นต์ ออร์แกไนเซอร์ และโรงเรียนสอนหลักสูตรพิเศษ
นางนันทวัลย์ กล่าวว่า กรมฯ ยังมีแผนที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเป็นผู้ค้าระหว่างประเทศ(เทรดเดอร์) โดยจะให้เป็นคนกลางรับออร์เดอร์สินค้าจากลูกค้าต่างประเทศ แล้วนำสินค้าที่ผลิตได้เองหรือนำสินค้าของผู้ผลิตรายอื่น หรือสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก(SMEs) สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ไปส่งออก
สำหรับแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 57 นั้น ประเมินว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นและมีอัตราการขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มดีขึ้น
"วันที่ 11 พ.ย.56 รมว.พาณิชย์ จะประชุมร่วมกับสมาคมการค้าต่างๆ เพื่อร่วมกันกำหนดเป้าหมายการส่งออก และจัดทำแผนผลักดันการส่งออกปี 57 รวมถึงปรับเป้าหมายการส่งออกในปี 56 ใหม่อีกครั้ง" นางนันทวัลย์ กล่าว