นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 31.04/06 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.05/07 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 31.03-31.11 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวสวนทางกับภูมิภาคนิดหน่อย คงรอดูผลประชุม FOMC วันพรุ่งนี้ ส่วนปัจจัยการเมืองก็อาจจะมีผลบ้างเล็กน้อย แต่คิดว่ายังไม่ชัดเจนเท่าไหร่" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินว่า เงินบาทน่าจะมีทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 31.00-31.15 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.60/63 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 97.59/61 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3767/3770 ดอลลาร์/ยูโร 1.3782/3784 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,455.86 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด, +0.43% มูลค่าการซื้อขาย 23,963.87 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 27.28 ลบ.(SET+MAI)
- นักวิเคราะห์ฯระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่เคลื่อนไหวแบบทรงตัวและวอลลุ่มเบาบาง จากที่ตลาดรอรับปัจจัยใหม่เข้ามา โดยเฉพาะผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯว่าจะมีการคง QE หรือไม่ และความคืบหน้าการเมืองในประเทศ ส่วนตลาดหุ้นเอเชียบางตลาดดัชนีเป็นบวกและบางตลาดดัชนีเป็นลบ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้คาดว่าดัชนียังเคลื่อนไหวทรงตัว ติดตามการประชุม FOMC และการเมืองในประเทศ พร้อมให้แนวต้าน 1,456 จุด แนวรับ 1,447 จุด
- ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินการส่งออกสินค้าไทยในช่วงไตรมาส 4 ปี 56 ที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น คาดจะขยายตัวได้ 5.12% มูลค่า 60,108 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 20,000 ล้านเหรียญฯ แต่ยังขยายตัวต่ำกว่าไตรมาส 4 ปี 55 ที่โต 18.48% ส่งผลให้การส่งออกทั้งปี 56 ขยายตัวเพียง 1.31% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปีนับจากปี 53 และคาดว่าโอกาสที่มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 3-4% ตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์คงเป็นไปได้ยาก
- ธนาคารกรุงเทพ (BBL) คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE) ต่อไป อย่างน้อยจนถึงการประชุมเฟดในช่วงเดือน มี.ค.57 เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหานโยบายการคลังของสหรัฐฯส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจให้ลดลงถึง 0.6% และตัวเลขการจ้างงานใหม่ที่สะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างยั่งยืนมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ทางสภาคองเกรสยังต้องมีการพิจารณาผ่านกฏหมายงบประมาณและขยายเพดานหนี้อีกครั้งภายในต้นปี 57
- นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายหรือแนวคิดที่จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก และเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ดังนั้น จึงต้องการออกมาชี้แจงให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ และไม่กระทบกับความรู้สึก แต่ยืนยันว่าจะยังคงจัดเก็บอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตรา 7% ตลอดปีงบประมาณ 57 และมองว่ายังอีกไกลที่จะพูดถึงการปรับภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงนี้
- แหล่งข่าววงในระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดว่า จะยังคงแนวโน้มราคาผู้บริโภคและภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับอีก 3 ปีข้างหน้า ในการประชุมนโยบายวันพฤหัสบดี่จะถึงนี้ และคงระดับเงินเฟ้อไว้ที่ประมาณ 2% ในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งไม่นับรวมผลกระทบจากการปรับภาษีการขายในเดือนเมษายน 2557
- สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 330 ซึ่งเป็นมาตรวัดดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ 0.605% ลดลง 0.005% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.09 จุด แตะที่ 144.92 ที่ตลาดหุ้นโตเกียว
- ธนาคารกลางอินเดียมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสู่ระดับ 7.75% จากเดิมที่ 7.5% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน
- สำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษเตรียมเผยแผนออกพันธบัตรที่สอดคล้องกับหลักของศาสนาอิสลามในที่ประชุมเศรษฐกิจอิสลามโลกที่กรุงลอนดอนในวันนี้