นอกจากนี้ ทางโกลเบล็ก ยังแนะนำนักลงทุนจับตาแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดทำสัญญาขายบ้านสหรัฐฯ, ยอดค้าปลีกพื้นฐาน, ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ,ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ, ยอดจ้างงานทั่วประเทศสหรัฐฯ, ดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ, ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ, ประกาศอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ, ดัชนีภาคการผลิตจีน และดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ
สำหรับแนะนำกรอบการลงทุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (28 ต.ค.-1 พ.ย.56)ว่า โกลเบล็กให้กรอบราคาทองคำที่ $1,300-1,392/Oz หรือ 19,160-20,550 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.08 บาท/$)โดยมองว่า ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากเฟดที่คาดว่าจะประกาศคงมาตรการ QE ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 31/10/56 ตามเวลาในประเทศไทยเพราะผลกระทบจากการปิดหน่วยงานสหรัฐฯไปกว่า 2.5 สัปดาห์ ได้สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวม
ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดสัปดาห์ รวมขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ $35.10/Oz หรือคิดเป็น 2.53% มายืนที่ระดับ $1,351/Oz (ณ เวลา 11.00 น.วันที่ 28/10/56)โดยมีจุดต่ำสุดที่ $1,309.91/Oz และมีจุดสูงสุดที่ $1,355.63/Oz โดยราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 148,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายนน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 7.2% ซึ่งตัวเลขจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าทีตลาดคาดนี้ได้ส่งผลให้มีกระแสการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ ที่สำรวจโดยมาร์กิต เดือนตุลาคม ที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555 และการประกาศยอดดุลการค้าจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ขาดดุลเพิ่มขึ้น 0.4% แตะที่ระดับ 3.88 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ที่ขาดดุลในระดับ 3.86 หมื่นล้านดอลลาร์ เหตุจากการหดตัวของภาคส่งออก
“อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียของรัฐบาลจีนที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าสู่ระดับ 3.65 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลลบต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าโลหะมีค่าที่สำคัญ" นายทรงวุฒิ กล่าว