(เพิ่มเติม) นักวิชาการห่วงการเมืองเดือดฉุดบริโภค-ลงทุน-ท่องเที่ยว หากรุนแรงกด GDPวูบ 0.5%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 1, 2013 16:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความคิดเห็นว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การบริโภคและลงทุนชะงัก และยิ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงสร้างความสูญเสีย หรือถึงขั้นปฏิวัติอาจส่งกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงทันที 0.5% แต่หากไม่เกิดเหตุรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาสนั้นลดลง 0.2%
"ในระยะสั้นปัญหาการเมืองในประเทศคงยังไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนจากต่างชาติลดลงมากกว่าปัจจุบัน ที่ส่วนตัวเห็นว่าความเชื่อมั่นของต่างชาติลดลงมาต่อเนื่องอยู่แล้ว หากสถานการณ์ทางการเมืองสร้างความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น จนทำให้บางประเทศอาจออกประกาศเตือนประชาชนของประเทศตัวเองที่เดินทางเข้าในไทย ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น)"นายสมประวิณ กล่าว

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้วกลายเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น และมีโอกาสที่จะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมที่ประเมินไว้

“ผลกระทบการเมืองในปัจจุบันนั้นเชื่อว่าไม่มีใครสามารถประเมินสถานการณ์ได้เพราะไม่มีใครคิดว่า พรรคเพื่อไทยจะผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมรวดเร็วเช่นนี้ จึงต้องดูท่าทีของฝ่ายตรงข้ามว่าจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากขึ้นอย่างไร"

แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นไม่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว การลงทุนและการส่งออกมีตัวเลขที่ไม่สดใส แต่เมื่อมีการเมืองเข้ากดดันจะยิ่งทำให้การบริโภคชะลอตัวไปอีก ซึ่งต้องรอดูว่าความขัดแย้งจะยาวนานเพียงใด เพราะผลกระทบจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการชุมนุม

อย่างไรก็ตาม สำหรับการประเมินเศรษฐกิจหลังจากนี้นั้นต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งเพราะเหตุการณ์พึ่งเริ่มต้น โดยการเติบโตของจีดีพีในปีนี้นั้นยังประเมินว่าจีดีพีน่าจะเติบโตที่ระดับ 3.1% แต่หากความขัดแย้งทางการเมืองนั้นส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนชะลอไปอีกและมีความยืดเยื้ออาจจะต้องมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง โดยธนาคารจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้

ขณะที่ นายบัณฑิต นิจถาวร นายกสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติมีความห่วงพอสมควรว่าความขัดแย้งทางการเมืองนั้นจะพัฒนาหรือคลี่คลายอย่างไร เพราะความขัดแย้งในอดีตที่มีความรุนแรงทำให้เกิดความกังวลใจ ในตลาดการเงินเองก็เริ่มมีความปรับตัวในความไม่แน่ใจว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นและพยามปรับตัว แต่ในช่วงเช้าตลาดยังไม่ได้กังวลเท่าไหร่ ซึ่งเราควรจะประคองสถานการณ์ให้ออกมาในมุมที่ดี เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็น

ในส่วนเงินทุนต่างชาตินั้น หลังจากที่สหรัฐมีความชัดเจนว่าจะคงมาตรการ QE ก็สร้างโอกาสให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง แต่มาตรการ QE ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะปรับลดมาตรการ QE เมื่อไหร่จึงทำให้เงินทุนต่างชาติที่เป็นระยะสั้นไหลเข้ามามากขึ้นซึ่งอาจมีความผันผวนที่มากกว่าเดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ