นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 57 มีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะมีการฟื้นตัวในทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับจะมีเม็ดเงินจากโครงการลงทุนของภาครัฐตามแผนการบริหารจัดการน้ำและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าเม็ดเงินจะเริ่มลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้ในปี 57 แต่ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ความผันผวนของค่าเงินบาท ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ราคาสินค้าเกษตร สถานการณ์การเมือง รวมทั้งความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกก็ยังไม่อาจละเลยได้ ซึ่งแรงกดดันเหล่านี้ย่อมส่งผ่านมายังเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ ความท้าทายในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี การคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทึ่จะมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นย่อมมีนัยต่อการเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย
ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวถึงทิศทางพลังานไทยปี 57 โดยคาดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ตามราคาในตลาดโลกและการปรับโครงสร้างราคาในประเทศ โดยการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ทำให้ลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันได้ แต่รัฐบาลจะยังตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาทไว้ต่อไป
ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มสูงขึ้น เช่นเดียวกัยค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร(Ft)มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ถ่านหินจะมีราคาลดลงเพราะผู้ใช้รายใหญ่หันไปใช้ก๊าซและพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น