สำหรับสาเหตุที่ทำให้การจดทะเบียนจัดตั้งในเดือนต.ค.56 ลดลงนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลจดทะเบียนในช่วง 5 ปีย้อนหลัง พบว่ามาจาก 3 สาเหตุ ได้แก่ มาตรการที่ได้ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดูแลกิจการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเข้มงวด โดยให้มีการตรวจสอบเอกสารต้นฉบับทั้งบัตรประจำตัวประชาชน และทะเบียนบ้านของกรรมการ เพื่อดูสถานที่ตั้งกิจการ รวมถึงสมุดเงินฝากที่มีตัวเลขของทุนจดทะเบียน ทำให้มีธุรกิจประเภทนี้จดทะเบียนจัดตั้งกิจการลดลงมาก โดยเดือนต.ค.56 มีธุรกิจค้าสลากกินแบ่งจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพียง 15 ราย ลดลงถึง 98% เทียบกับการจดจัดตั้งธุรกิจค้าสลากกินแบ่งฯในเดือนต.ค.55 ที่มีถึง 960 ราย
นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปี การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเป็นช่วงสิ้นปี ซึ่งภาคธุรกิจจะรอการจัดตั้งกิจการใหม่ในช่วงของปีใหม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งยากในการจัดทำและส่งงบการเงินให้กับกรมฯ และเป็นผลจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้มาจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจลดน้อยลง
สำหรับยอดการจดทะเบียนเลิกนิติบุคคลทั่วประเทศเดือนต.ค.56 มีจำนวน 1,581 ราย ลดลง 3% เทียบกับเดือนต.ค.55 แต่เพิ่มขึ้น 9% เทียบกับเดือนก.ย.56 มีทุนจดทะเบียนเลิก มูลค่า 5,040 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดการจดทะเบียนเลิกในช่วง 10 เดือน ปี 56 มีจำนวน 11,070 ราย ลดลง 2%เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีห้างหุ้นส่วน,บริษัทจำกัด ดำเนินกิจการทั่วประเทศ 560,821 ราย มีทุนจดทะเบียน 10.73 ล้านล้านบาท
รมช.พาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณที่จะส่งผลกระทบต่อการจดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งภาคธุรกิจก็ยังดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่มีความเป็นห่วงความเชื่อมั่นในการลงทุนของธุรกิจต่างชาติมากกว่า จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันคำนึงและรักษาบรรยากาศในการลงทุน เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม