สำหรับผลการประมูลข้าวผ่าน AFET รอบแรกนั้น นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้อนุมัติผลการประมูลข้าววิธีหักส่วนต่าง (เบสิส) ผ่าน AFET เมื่อวันที่ 25 ต.ค.แล้ว โดยอนุมัติให้จำหน่ายข้าวสาร 5% ปริมาณ 14,977 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด 120,000 ตัน ให้กับบริษัท พิจิตรร่วมเจริญ 2 เพียงรายเดียว จากผู้เข้าร่วมประมูล 5 ราย ในราคาส่วนต่างลบ 1.70 บาทถึงลบ 2.00 บาท/กก. จากราคาตลาด โดยแบ่งเป็นข้าวส่งมอบเดือนม.ค.57 ปริมาณ 1,963 ตัน ราคาลบ 2.00 บาท/กก. และส่งมอบเดือนก.พ.57 ปริมาณ 13,013 ตัน ราคา ลบ 1.70 ถึงลบ 2.00 บาท/กก.
ส่วนข้าวหอมมะลิที่เปิดประมูลประมาณ 30,000 ตัน มีผู้เสนอราคาส่วนต่างลบ 6.00 บาทถึงลบ 6.50 บาท/กก. จากราคาตลาด ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นราคาที่ต่ำเกินไป จึงไม่อนุมัติขาย เพราะผู้ประมูลหักส่วนต่างมากเกินไป และจะทำให้ราคาข้าวที่ขายได้มีราคาต่ำกว่าปกติ ทั้งนี้ ราคาที่จะขายจริงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเท่าไร เพราะขณะนี้เอเฟตกำลังคำนวณราคากลางขึ้นมา เนื่องจากเพิ่งเปิดให้มีการประมูลซื้อข้าวผ่านเอเฟต โดยหากราคา ณ วันส่งมอบของข้าวขาว 5% อยู่ที่ 13 บาท/กก. ราคาที่ผู้ชนะประมูลจะต้องจ่ายก็คือ 11-11.30 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาหลังจากหักส่วนต่างที่เสนอลบ 1.70-2.00 บาท/กก. ออกไปแล้ว และรัฐก็จะได้ค่าข้าวในราคาดังกล่าว
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 56/57 นายสมชาติ กล่าวว่า การรับจำนำยังเป็นปกติ โดยนับจากเริ่มโครงการ วันที่ 1 ต.ค.56 จนถึงปัจจุบัน โดยมีข้าวเปลือกเข้าโครงการจำนำแล้ว 2.5 ล้านตัน เปิดจุดรับจำนำมากกว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ และคาดว่าในเดือนพ.ย. จะมีข้าวเปลือกเข้าโครงการเพิ่มอีก 3-4 ล้านตัน ส่วนการจ่ายเงินให้เกษตรกรนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเริ่มจ่ายเงินตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป