"จีดีพีเรากระโดดไปกระโดดมา ฐานก็กระโดดไปกระโดดมา ปี 55 โต 6.5% แต่ปี 54 เราไม่โตจากน้ำท่วม ดังนั้นในปี 56 ก็เหนื่อย ..ผมมองข้ามไปแล้ว ผมมองไปปี 57"รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
สำหรับภาวะเศรษฐกิจปี 56 นี้ รมว.คลัง ยอมรับว่า เศรษฐกิจคงไม่ดีนัก เป็นพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งการบริหารจัดการน้ำ และโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทล่าช้ากว่าแผนประกอบกับเกิดภาวะน้ำท่วมในภาคตะวันออก และฐานในปีก่อนก็สูงที่มีจีดีพีโต 6.5% เทียบฐานจีดีพีปี 54 ที่ติดลบ อย่างไรก็ตามคาดหวังภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 4/56 จะดีขึ้น
"การขยายตัวในช่วง 3 ไตรมาสแรก ผมมีความผิดหวังอยู่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญมีความล่าช้ากว่าที่วางแผน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทมีความล่าช้า มาไม่ทันเวลาแต่ก็จะมาอยู่ดี ในช่วง 7 ปีนี้จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" นายกิตติรัตน์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ"ทิศทางการบริหารเศรษฐกิจปี 57"ในงานสัมมนาใหญ่ของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 57 ดูเหมือนจะมีปัจจัยเชิงบวกรออยู่ อาทิ เศรษฐกิจอียูคาดว่าจะถดถอยน้อยกว่าปีนี้และส่งสัญญาณไปทางบวก ญี่ปุ่นแม้เศรษฐกิจปีหน้าอาจจะยังมีอัตราการขยายตัวต่ำ แต่เชื่อว่าค่าเงินเยนจะทรงตัวก็จะช่วยให้การส่งออกดีขึ้น จีนประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจช้าลงแต่ก็ยังสูงกว่าประเทศอื่นในโลก รวมทั้ง กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ก็ล้วนเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง 6-7% ซึ่งก็ส่งผลดีต่อการค้าชายแดนกับไทย
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเตรียมความพร้อมให้แข่งขันได้ สามารถทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจึงไม่ใช่เป็นเรื่องเกินตัว และมั่นใจการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะไม่ทำให้หนี้สาธารณะเกินกว่า 50% ของจีดีพีจากปัจจุบันที่มีหนี้สาธารณะ 44% เพราะการลงทุนจะค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่องไป 7 ปี ไม่ใช่ลงทุนปีเดียว และการดำเนินโครงการก็ต้องดูความคุ้มค่า ดูเรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม ครม.จึงจะทยอยอนุมัติเป็นรายโครงการ ขณะเดียวกันเชื่อว่าฐานจีดีพีจะขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 7 ปีนี้ด้วย