การลงนามสัญญาซื้อขายข้าวในรูปแบบ G to G กับรัฐวิสาหกิจของจีนจากมณฑลเฮย์หลงเจียง ปริมาณ 1.2 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวที่ได้หารือกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีกำหนดส่งมอบภายใน 1-2 ปี เริ่มตั้งแต่ต้นปี 57 และยังจะมีการลงนามซื้อขายมันสำปะหลังในครั้งนี้ด้วย
ส่วนการเปิดยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 54/55, นาปรังปี 55 และนาปีปี 55/56 (รอบ1) รวม 452,537 ตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ รวม 300,275 ตัน เพื่อจำหน่ายในประเทศ และ/หรือส่งออก และข้าวขาว 5% รวม 152,262 ตัน เพื่อส่งออกต่างประเทศ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.นั้น ปรากฎว่ามีผู้ยื่นซองเสนอราคาเข้ามาเพียงแค่ 4 ราย โดยผู้ที่เสนอซื้อข้าวขาว 5% เพื่อการส่งออก ได้แก่ บริษัท รอยัลริชชี่ไรซ์, บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์, บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ ส่วนบริษัท ข้าว ซี.พี. เสนอซื้อข้าวหอมมะลิ ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะเปิดซองและเจรจาต่อรองกับผู้เสนอซื้อวันที่ 20 พ.ย.นี้
นายสุรศักดิ์ เรืองเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่มีการเปิดประมูลสต๊อกข้าวเป็นการทั่วไปรวม 6 ครั้ง สามารถระบายออกไปได้จำนวน 700,000-800,000 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูล 2 ล้านตัน และยังมีการขายข้าวในรูปแบบ G to G ซึ่งสามารถส่งมอบข้าวให้กับรัฐบาลต่างประเทศตั้งแต่กลางปี 55 ถึงปัจจุบันได้แล้ว 7-8 ล้านตัน สามารถส่งเงินคืนกระทรวงการคลังแล้ว 140,000 ล้านบาท และในอีก 2 เดือนที่เหลือของปี 56 จะสามารถคืนเงินได้เพิ่มอีก 24,000 ล้านบาท
สำหรับการส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 พ.ย.56 ไทยส่งออกข้าวรวมปริมาณ 5.6 ล้านตัน ลดลง 2-3% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ(ราว 1.14 แสนล้านบาท) ลดลง 5%