ทั้งนี้ การลงนามในสัญญาดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเดินทางไปเจรจาขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทยและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจีนแสดงความสนใจนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย อาทิ ข้าว มันสำปะหลัง และยางพารา เป็นต้น รวมทั้งขยายการลงทุนในการสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรร่วมกับภาคเอกชนไทยเพื่อรองรับอัตราการขยายตัวของประชากรจีนและอัตราการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยฝ่ายไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อส่งออกมายังประเทศจีนและกระจายต่อไปยังประเทศใกล้เคียง และมีความพร้อมในการเป็นประตูการค้าที่เชื่อมโยงจีนไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเมื่อการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2015 การเชื่อมโยงดังกล่าวจะทำให้จีนสามารถเข้าถึงฐานการผลิตในตลาดอาเซียนซึ่งในปัจจุบันมีประชากรรวมกันกว่า 550 ล้านคน
รมว.พาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จีนกลายเป็นประทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรที่สำคัญของโลก โดยจีนมีการนำเข้าข้าวอย่างต่อเนื่องมากกวา 2 ล้านตันต่อปี เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวของจีนได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและราคาข้าวภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และในปัจจุบันผู้บริโภคชาวจีนหันมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหารเป็นอย่างมาก จึงพยายามเลือกซื้ออาหารที่มีคุณภาพสูงมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับจีนในระยะยาว